วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง MSCI Rebalance วันนี้
ทางเทคนิค คาด SET Index อ่อนตัว แนวรับ 1,378 จุด/1,373 จุด แนวต้าน 1,402 จุด/1,410 จุด (EMA 10/25 วัน) ระยะสั้น ดัชนีฯ อยู่ระหว่างทดสอบแนวต้านของรูปแบบสามเหลี่ยม (Ascending Triangle) กรอบ 1,385-1,424 จุด เพื่อรอสัญญาณ Break Out
โดยหากหลุดแนวรับสำคัญ 1,385 จุด มีโอกาสลงต่อไปที่ 1,373/1,365 จุด
ประเด็น Event สำคัญ วันนี้
-MSCI Rebalance มีผลต่อราคาปิดวันนี้: เราคาดว่าการทบทวนรายไตรมาสของดัชนี MSCI จะมีผลเชิงลบต่อราคาปิดวันนี้ อิงน้ำหนักของตลาดหุ้นไทยลดลงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นภูมิภาค อันเป็นผลจากการร่วงลงของตลาดหุ้นไทยเทียบกับตลาดหุ้นภูมิภาค และการถูกถอดหุ้นออกจากการคำนวณดัชนี MSCI Global Standard Index (EGCO RATCH BGRIM) และดัชนี MSCI Small Cap Indexes (ACE ASK KEX ONEE RAM SABUY TTA TFG VIBHA)
+OPEC Plus Meeting: คาดซาอุดีอาระเบียจะมีการส่งสัญญาญลดปริมาณการผลิตเพื่อส่งออกโดยสมัครใจเพิ่มเติม จากเดิม 1 ล้านบาร์เรล/วัน เพื่อช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับลดลงกว่า 20% จากระดับสูงสุด เนื่องจากกังวลต่ออุปทานล้น (ผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปค เช่น สหรัฐฯ ผลิตน้ำมันดิบสูงกว่า 13 ล้านบาร์เรล/วัน ฯลฯ) และอุปสงค์ลดลง (กังวลเศรษฐกิจจีน ยังคงเติบโตชะลอตัว)
+/-Opportunity Day: จับตาสัญญาณ Earnings Guidance ของบจ. LOXLEY VRANDA MICRO TGE MOONG IRCP BTS PRINC SGP TMI SCM FORTH ONEE CPALL SRS/Digital Online ADVANC PTG INGRS TPAC คาดส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นรายตัว หากมีสัญญาณ Negative/Positive Guidance
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญวันนี้
+China: รายงานภาคการผลิตและบริการเดือน พ.ย. (โดยสำนักสถิติแห่งชาติ NBS) โดย Consensus คาดว่าปรับตัวดีขึ้น โดยภาคการผลิตอยู่ที่ 49.7 (Vs เดือน ต.ค. 49.5) ภาคบริการ 51.5 (Vs เดือน ต.ค. 50.6) และภาครวมผลิตและบริการเพิ่มขึ้นเป็น 51.7 (Vs เดือน ต.ค. 50.7) ซึ่งหากออกมาดีขึ้นกว่าคาดการณ์ จะเป็นโมเมนตัมบวกต่อหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ บนคาดการณ์เศรษฐกิจจีนเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว
+EU: รายงานเงินเฟ้อเบื้องต้นเดือน พ.ย. คาดลดลงต่อเนื่อง โดย Consensus คาดลดลงต่อเนื่องเป็น -0.2% MoM, +2.7% YoY (จากเดือน ต.ค. +0.1% MoM, +2.9% YoY ซึ่งเป็นผลบวกต่อ ECB มีโอกาสสูงขึ้น ที่จะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิม 4.5% ในการประชุมวันที่ 14 ธ.ค. หลังจากได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือน ก.ค. 2022 จากระดับ 0%
+US: รายงาน PCE/Core PCE เดือน ต.ค. คาดลดลงต่อเนื่อง โดย Consensus คาดอยู่ที่ +0.1% MoM, +3% YoY (Vs เดือน ก.ย. +0.4% MoM, +3.4% YoY) และ +0.2% MoM, +3.5% YoY (Vs เดือน ก.ย. +0.3% MoM, +3.7%YoY) ตามลาดับ โดยสัญญาณการชะลอตัวต่อเนื่องของสัญญาณเงินเฟ้อ จะส่งผลให้ตลาดมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า เฟดมีโอกาสสูงที่จะคงดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 13 ธ.ค. ซึ่งเป็นผลบวกต่อหุ้นอิงดอกเบี้ยโลก เช่น อสังหาฯ เทคโนโลยี REITs ฯลฯ
กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ หุ้นบลูชิพที่ราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน CHG SJWD AMATA
Strategic daily picks
CHG ปิด 2.90 บาท/แนวรับ 2.78 บาท แนวต้าน 3.04 บาท
แนวโน้มผลการดำเนินงาน 4Q23 มีทิศทางสดใส จากการรับรู้รายได้จากการเบิกจ่ายประกันสังคมที่เข้ามาเพิ่มเติม การเปิดให้บริการโรงพยาบาลจุฬารัตน์แม่สอด อินเตอร์ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก มีขนาด 100 เตียง โดยเปิดให้บริการเฟสแรก 59 เตียง รวมถึงการเปิดให้บริการศูนย์การแพทย์ Chularat Medical Center ทั้งนี้ ภาพรวมทั้งปี 2023 จะมีรายได้ตามเป้าหมาย 8 พันล้านบาท (+20% YoY) Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 1.08 พันล้านบาท (-61.23% YoY) และมูลค่าเหมาะสมที่ 3.45 บาท
SJWD ปิด 14.60 บาท/แนวรับ 13.80 บาท แนวต้าน 15.30 บาท
แม้ผลกระทบของอุตสาหกรรมที่ชะลอตัว ส่งผลต่อการเติบโตของรายได้รวมปี 2023 ทำได้เพียง 2.5 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ 3 หมื่นล้านบาท โดย 9M23 ทำรายได้รวมที่ 1.76 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิ 500.31 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ภาพรวมธุรกิจใน 4Q23 มีแนวโน้มดี และคาดจะสร้างผลกำไรได้สูงสุดของปีนี้ ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2024 คาดเติบโตดีขึ้น 12% YoY Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 793.50 ล้านบาท (+57.34% YoY) และมูลค่าเหมาะสมที่ 18.70 บาท
AMATA ปิด 24.70 บาท/แนวรับ 23.60 บาท แนวต้าน 26.00 บาท
แนวโน้มผลประกอบการ 2H23 ดีกว่า 1H23 ที่ทำได้ 682 ไร่ จากความต้องการลงทุนที่เร่งตัวใน 2H23 โดยเฉพาะการย้ายฐานการผลิตของจีนเข้าไทย และการผลิต EV และคาดมีโมเมนตัมบวก จากการเป็น 1 ใน SET ESG Ratings ที่ระดับ AAA โดย Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 1.96 พันล้านบาท (-16.10% YoY) และมูลค่าเหมาะสมที่ 29.84 บาท