วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ KBANK ยังมีกำลังในการจัดการความท้าทายที่เพิ่มขึ้นในปีหน้า
หลังจากที่ธนาคารใช้แนวทางที่อนุรักษ์นิยมมากขึ้นในการขยายสินเชื่อผู้บริโภค (โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินเชื่อปลอดหลักประกัน) ติดต่อกันมา 3 ไตรมาส และเร่งขาย NPLs ออกไป
คุณภาพสินทรัพย์ของ KBANK จึงเริ่มนิ่งขึ้น โดยตัวเลข NPLs ใน 3Q66 ลดลงเกือบ 4% QoQ และเพิ่มขึ้นเพียง 2% YoY โดยที่กระแส NPL เกิดใหม่ลดลง ทั้งนี้ ธนาคาร คาดว่า NPL เกิดใหม่จากสินเชื่อรายย่อย และ SME (ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่ทำให้ NPL เพิ่มขึ้นในช่วงสี่ไตรมาสที่ผ่านมา) เริ่มนิ่งขึ้นแล้ว และอาจจะมีแนวโน้มลดลงในช่วงที่เหลือของปี โดยไม่ทำให้ค่าใช้จ่ายสำรองฯ( credit cost) เพิ่มขึ้นอีกตลอดปี 2566-2567
ยังมีเครื่องมือในการจัดการหนี้เสียให้ลดต่ำลง
KBANK เร่งขาย NPL ออกไป 2.25 หมื่นล้านบาทใน 3Q23 (จาก 1.5 หมื่นล้านบาทใน 2Q66) รวมเป็น 7.3 หมื่นล้านบาทในงวด 9M66 (สูงกว่ายอดขาย NPL เต็มปี 2565 ที่ 7.2 หมื่นล้านบาท) อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้ ยอดการตัดหนี้สูญ (write-off) ในงวด 9M66 ยังค่อนข้างต่ำอยู่ที่ 9 พันล้านบาทเท่านั้น (จาก 5.9 หมื่นล้านบาทในปี 2565) ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลังที่ >2 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ยอด write-off หนี้เสียที่ลดลงอาจจะเป็นเพราะกระแส NPL เกิดใหม่ชะลอตัวลง และแก้หนี้เสียได้แล้วเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ เนื่องจากสินเชื่อใหม่ในกลุ่มผู้บริโภคชะลอตัวลง ทั้งนี้การที่ธนาคาร write-off หนี้เสียเพิ่มขึ้นใน 4Q66 จะช่วยให้สถานะหนี้เสียของ KBANK ดีขึ้นในปี 2024 ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าการ write-off หนี้เสียส่วนใหญ่ในปี 2565 มาจากหนี้ปลอดหลักประกันที่ธนาคารปล่อยกู้ผ่าน LineBK
มีอัพไซด์จากการที่ค่าใช้จ่ายสำรองฯ (Credit cost) ลดลงในปีหน้า
KBANK ปรับนโยบายการกำหนด credit cost policy ใน 2Q23 โดยอาจจะกำหนด credit cost ในระดับสูงที่ 200-210bps ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2024 แต่ถ้าหากธนาคารเร่ง write-off หนี้เสียใน 4Q23 จะเป็นสัญญาณดีที่อาจจะเห็น credit cost ลดลงได้เร็วกว่าที่คาดไว้ใน 2H67F ทั้งนี้ เนื่องจากเราคาดว่าธนาคารจะเผชิญแรงกดดันทางด้าน NIM ใน 2H24 ดังนั้น credit cost ที่ลดลงจะทำให้ธนาคารมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการบริหารจัดการความเสี่ยงของกำไรจากการที่ NIM ลดลง
ราคาเป้าหมายปี upside อีก, ปรับเพิ่มคำแนะนำจากถือเป็นซื้อ
เราคาดว่ากำไรของ KBANK ในปี 2566/2567 จะโต 12%/6% เนื่องจากคาดว่าสินเชื่อจะขยายตัวปีละ 5%, NIM จะทรงตัวอยู่ที่ 3.6%, และ credit cost อยู่ในระดับสูงที่ปีละ 200bps, รายได้ค่าธรรมเนียมปี 2566/2567 -3%/+2%2024F.
Risks
หนี้เสียเพิ่มทำให้ค่าใช้จ่ายสำรองฯเพิ่ม รายได้ค่าธรรมเนียมลดลง