วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ปริมาณการซื้อขายเบาบางแต่บรรยากาศเก็งกำไรยังเป็นบวก

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ปริมาณการซื้อขายเบาบางแต่บรรยากาศเก็งกำไรยังเป็นบวก

ปัจจัยต่างประเทศทรงตัว ขณะที่ในประเทศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมเป็นบวกต่อกำลังซื้อปีหน้า ปัจจัยต่างประเทศรวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่เหลือคาดไม่สร้างความตื่นเต้นหรือประหลาดใจให้กับนักลงทุน

ความคาดหวังหลังในช่วง 3 เดือนข้างหน้าคือการจับตาไปยังโอกาสปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในรอบการประชุม มี.ค. ซึ่งความคาดหวังดังกล่าวยังเป็นปัจจัยบวกต่อความเคลื่อนไหวตลาดในช่วงต้นปี ขณะที่ปัจจัยในประเทศ การประชุมครม.ทยอยออกมาตรการของขวัญ ซึ่ง “ไม่ถึงกับว้าว” แต่โดยรวมเป็นปัจจัยบวกต่อกำลังซื้อในช่วงปีหน้า อาทิ การต่ออายุการลดค่าธรรมเนียมการโอนหรือจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ไปถึงสิ้นปี 2567, การขึ้นค่าแรงขั้นต่อ 2-16 บาท (และอาจขึ้นอีกรอบช่วงกลาง มี.ค.67) เป็นต้น

ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นจากความกังวลในตะวันออกกลาง ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น +2.73% จากความกังวลในตะวันออกกลาง เป็นปัจจัยบวกระยะสั้นต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน ทั้งนี้ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงในไตรมาส 4/66 (ปัจจุบัน 75 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล vs สิ้นไตรมาส 3/66 ที่ 89 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล) แม้อาจทำให้เกิดขาดทุนจากสต็อค แต่ค่าการกลั่นที่ดีขึ้น จะทำให้กำไรจากการดำเนินงานออกมาดี และเป็นปัจจัยหนุนการจ่ายปันผลในช่วงต้นปีหน้า ทำให้หุ้นโรงกลั่นมีอีกสถานะเป็น dividend play ซึ่ง top pick ในกลุ่มนี้เราเลือก BSRC และ TOP

บรรรยากาศลงทุนสัปดาห์สุดท้ายบวกทั้งหุ้นเล็กและใหญ่ แม้ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบแคบ แต่บรรยากาศลงทุนโดยรวมเป็นบวก ทั้งหุ้นกลาง-เล็กที่มีปัจจัยเฉพาะตัว และหุ้นใหญ่ที่เป็นเป้าหมายของการเข้าซื้อของนักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะจากกองทุนลดหย่อนภาษี (RMF, SSF, TESG) ทำให้เห็นการฟื้นตัวในกลุ่มหุ้นใหญ่ที่ Laggard หรือมีแรงขายทำกำไรในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา อาทิ BDMS, SCC, MINT, BH, CRC, CPN, KBANK, SCB เป็นต้น ทั้งนี้หลายตัวเป็นหุ้นที่ได้รับน้ำหนักการลงทุนเพิ่ม หากมีการใช้น้ำหนักการลงทุนใหม่ตาม SET50FF และ SET100FF ทำให้เราประเมินโมเมนตัมการฟื้นตัวของหุ้นในกลุ่มดังกล่าวจะยังมีความต่อเนื่องไปอีกระยะ 

ภาพรวมกลยุทธ์ ยกฐานการเก็งกำไรขึ้นมาเหนือ 1,400 จุด โดยยังมองการฟื้นในหุ้นรายตัวจะทำให้ตลาดมีโอกาสขึ้นทดสอบ 1,430 จุด ในช่วงสิ้นปี กลุ่มหุ้นที่กระแสเงินสดดีและปันผลสูง ค่อนข้างยืนได้ดีและแข็งแกรงกว่าภาพรวม จะเป็นตัวประคองตลาด และอาจทำให้หุ้นกลางหุ้นเล็ก รวมถึงหุ้นไวต่อดอกเบี้ย ฟื้นได้ดีในช่วง 2 เดือนนี้

หุ้นแนะนำ: CPN*, ITC*, SCB*, BSRC*

แนวรับ: 1,400 / แนวต้าน : 1,410-1,430 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ

คลังไฟเขียวกฎหมายลูก 2 ฉบับ รองรับมาตรการ EV3.5 - รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างกฎหมาย 2 ฉบับที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อรองรับมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระยะที่ 2 (EV3.5) ที่ ครม.มีมติเห็นชอบไปเมื่อสัปดาห์ก่อน (19 ธ.ค.) (อินโฟเควสท์)

ต่างชาติเข้าไทยแตะ 27 ล้านคน หยุดยาวสิ้นปีช่วยหนุนท่องเที่ยว- รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เผยว่า นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแตะระดับ 27 ล้านคน ในช่วงเดือนสุดท้ายของปีนี้ โดยในช่วงสัปดาห์นี้ มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นมาก หรือเพิ่มขึ้น 16.60% จากสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวเกือบทุกกลุ่ม (อินโฟเควสท์) 

Intel ได้รับเงินอุดหนุน 3.2 พันล้านดอลล์ จากรัฐบาลอิสราเอล เดินหน้าสร้างโรงงานชิปแห่งใหม่ - Intel ได้รับเงินอุดหนุน 3.2 พันล้านดอลล์ จากรัฐบาลอิสราเอล เดินหน้าสร้างโรงงานชิปแห่งใหม่ มูลค่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ที่วางแผนจะสร้างในอิสราเอลตอนใต้ มีกำหนดจะเปิดในปี 2570 (การเงินการธนาคาร)

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าซีรี่ย์ Z  ในตลาด TFEX หมดอายุวันนี้ 

เตรียมปรับดัชนี SET50 /100 วันพรุ่งนี้ 

TESG - ในกลุ่มที่มี ESG rating AAA และ AA ที่มีโอกาสเป็นเป้าหมายการเข้าซื้อ ได้แก่ ADVABC, BCP, CPALL, CPAXT, CPF, CRC, PTT, SCGP, TISCO, BCPG, BDMS, CPN, EA, EGCO, MAJOR, RATCH, SCB 

 

ประเด็นติดตาม: 28 ธ.ค. - Pending Home Sales (MoM)/1 ม.ค. - S&P Global US Manufacturing PMI (Dec)/ 3 ม.ค. - ISM Manufacturing PMI (Dec), JOLTs Job Openings (Nov)/

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)