วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ การดีดตัวของ Bond yield หนุน rotation แต่ไม่กระทบต่อโมเมนตัมการเก็งกำไร
การดีดตัวของผลตอบแทนพันธบัตรหนุนการหมุนกลุ่มแต่ไม่กระทบต่อโมเมนตัมการเก็งกำไร สหรัฐฯ รายงานตัวเลขการจ้างงาน (ADP Employment) ต.ค เพิ่มขึ้น 164,000 ตำแหน่ง (มากกว่าคาดที่ 125,000 ตำแหน่ง และมากกว่า พ.ย.ที่ 101,000 ตำแหน่ง)
หนุนการดีดตัวขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับลดลงจากจุดสูงสุดกว่า 1.2% (ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐญ 10 ปี ปรับลดจาก 5% เหลือ 3.8% ใน ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา) ทั้งนี้การดีดตัวของผลตอยแทนพันธบัตร (Bond yield) ทำให้นักลงทุนแบ่งขายทำกำไรหุ้นที่ขึ้นเยอะ และหนุนการหมุนกลุ่ม (rotation) การเก็งกำไรไปยังกลุ่มที่ยังปรับขึ้นน้อย หรือปัจจัยพื้นฐานอาจไม่แข็งแกร่งนัก อย่างไรก็ตาม เรามองกระบวนการดังกล่าวเป็นบวก เพราะเป็นปัจจัยที่ช่วยลดความร้อนแรงในหุ้นรายตัว และทำให้การปรับฐานของตลาดมีความมั่นคง อีกทั้งไม่กระทบต่อโมเมนตัมของการเก็งกำไร ซึ่งเราประเมินยังเป็นบวกในช่วง 2 เดือนแรกของปี คืนนี้ติดตามการจ้างงานยอกภาคเกษตร (คาด 175,000 ตำแหน่ง)
กลุ่มค้าปลีกและท่องเที่ยวมีโมเมนตัมการเก็งกำไรหนุนจากโครงการ E-receipt มาตรการสนับสนุนการจับจ่ายเพื่อลดหย่อนภาษีสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้สูงที่จะไม่ได้รับสิทธิ์แจกเงิน 10,000 บาทจากโครงการ Digital wallet หรือ E-receipt ซึ่งให้สิทธิ์นำรายจ่ายสินค้าและบริการไปหักลดหย่อนภาษีในวงเงิน 50,000 บาท กระตุ้นให้เกิดแรงเก็งกำไรในหุ้นหลักๆ 2 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มท่องเที่ยว ซึ่งส่วนลดหย่อนที่ได้ช่วยให้ค่าใช้จ่ายในการเที่ยวถูกลง บวกต่อ CENTEL, MINT, ERW, VRANDA, SHR, AOT, BA, AAV เป็นต้น 2) กลุ่มค้าปลีก มาตรการดังกล่าวหนุนสินค้าที่เป็นรายจ่ายรายการใหญ่ๆ บวกต่อ CRC, COM7, SPVI, JMART, HMPRO, DOHOME แต่ขณะเดียวกันการซื้อสินค้าและบริการทั่วไปก็สามารถใช้สิทธิ์ได้ ซึ่งบวกต่อ CPALL, CPAXT, TNP เป็นต้น อย่างไรก็ตามเรามีมุมมองระมัดระวังต่อ COM7, SPVI เนื่องจากการประกาศมาตรการล่วงหน้าก่อนเวลาใช้สิทธิ์ 1.5 เดือน จะทำให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อในช่วงปลายปี เพื่อมาใช้สิทธิ์ต้นปี
ภาพรวมกลยุทธ์ แกว่งตัว 1,415-1,450 จุด ช่วงสั้นอาจต้องระวังแรงทำกำไรในหุ้นที่ปรับขึ้นมาเยอะ กลุ่มธนาคารใกล้ประกาศผลประกอบการ เรามองธนาคารใหญ่ที่มีความเสี่ยงการตั้งสำรองต่ำมีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดี โครงการ Easy E-receipt บวกต่อการเก็งกำไรหุ้นท่องเที่ยวและค้าปลีก ขณะที่อาจเลือกเก็งหุ้นเล็กที่ยัง Laggard
หุ้นแนะนำ: CRC*, SCB*, VRANDA*, SORKON*
แนวรับ: 1,423 / แนวต้าน : 1,446-1,459 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ
จับตาตัวเลขเงินเฟ้อไทย วันนี้ คาดเงินเฟ้อ ธ.ค. -0.30% ติดลบเป็นเดือนที่ 3 ต่อเนื่อง จากมาตรการช่วยค่าครองชีพ ดังนั้นตัวเลขดังกล่าวเป็นบวกจากประชาชนมีเงินเหลือจับจ่ายมากขึ้น
นักลงทุนหั่นน้ำหนักคาดเฟด เริ่มลดดอกเบี้ย มี.ค. 67 กังวลนโยบายพลิก – นักลงทุนลดน้ำหนักต่อการคาดการณ์ที่ว่าเฟด จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค.2567 หลังการกล่าวถ้อยแถลงของ ประธานเฟด สาขาริชมอนด์ และการเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) (อินโฟเควสท์)
สุริยะ ผุดแผนพัฒนา สถานีขนส่งกรุงเทพแห่งใหม่ ตามโมเดลญี่ปุ่น - ผุดแผนพัฒนา “สถานีขนส่งกรุงเทพแห่งใหม่” เชื่อมสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ หนุนการเดินทางอย่างไร้รอยต่อรถโดยสาร – ระบบราง ตามโมเดลประเทศญี่ปุ่น ยกระดับ บขส. คาดใช้ระยะเวลาดำเนินการประมาณ 4 ปี พร้อมสั่ง บขส. เตรียมรองรับการเดินทางช่วงสงกรานต์ 67 (สำนักข่าวไทย)
ธปท.ห้ามแบงก์ แจกรางวัล-ของขวัญ” ก่อนอนุมัติสินเชื่อ ชี้กระตุ้นก่อหนี้ – กำชับแบงก์ “โฆษณาต้องถูกต้องชัดเจน-ไม่กระตุ้นก่อหนี้เกินควร” สั่งห้ามส่งเสริมการขายให้รางวัล-ของขวัญก่อนการอนุมัติสินเชื่อ ชี้เป็นการเร่งรัดการตัดสินใจให้สมัครสินเชื่อ (ประชาชาติ)
โรงงานยางจีนไฟไหม้ สต็อกยางวอดหมื่น – ประธานบอร์ด กยท. ชี้เป้าโรงงานยางจีนไฟไหม้รับปีใหม่ สต็อกยางวอดหมื่นตัน คาดดันราคายางพุ่ง (ประชาชาติ)
SCB ปรับทัพผู้บริหาร – กลุ่ม SCB ปรับทัพผู้บริหารระดับสูง 2 บริษัทในเครื่องทั้ง DataX แต่งตั้ง “อารักษ์ สุธีวงศ์” และ InnovestX แต่งตั้ง “บุญทิพย์ กฤตชัยกุล” (อินโฟเควสท์)
SPRC – SPRC ประกาศเสร็จสิ้นการซื้อธุรกิจการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงภายใต้แบรนด์ “คาลเท็กซ์” จากกลุ่มเชฟรอนแล้ว ช่วยต่อยอดธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน และการทำตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศไทยอย่างครบวงจร (อีไฟแนนซ์ไทย)
ประเด็นติดตาม: 5 ม.ค. – US Non Farm Payrolls (Dec), Average Hourly Earnings, TH CPI/ 8 ม.ค. – US Use Car Prices YoY (Dec)/ 9 ม.ค.- US Balance Trade (Nov), EU Unemployment Rate (Nov)
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)