วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ CKP ซื้อรอล่วงหน้าได้เลย; ปรับเพิ่มเป็นซื้อ
เราพลิกมามองบวกกับแนวโน้มของโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ซึ่งในปัจจุบัน มีความน่าจะเป็นเกือบเต็ม 100% ที่ภาวะ El Niño จะเปลี่ยนผ่านไปสู่ภาวะ Neutral ภายในกลางปีนี้ และมีความน่าจะเป็นสูงขึ้น (เมื่อเทียบกับประมาณการก่อนหน้านี้)
โดยอิงจากแบบจำลองที่เป็นสากล (Figure 3) ดังนั้น ผลกระทบเชิงลบน่าจะค่อย ๆ ลดลง ซึ่งจะทำให้กระแสน้ำ และปริมาณฝนตกเพิ่มขึ้น (โดยเฉพาะใน 2H67) ดังนั้น โอกาสที่จะเกิดภาวะ La Niña จึงมากกว่า El Niño ในเดือนพฤษภาคม 2567 (ข้อมูลเดิมระบุไว้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม) นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ในตลาดยังประเมินว่า Fed น่าจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยอีกแล้ว ซึ่งจะส่งผลดีต่อไซยะบุรี (XPCL) เพราะหนี้ประมาณ 76% ใช้อัตราดอกเบี้ยลอยตัว (ผูกกับ LIBOR และ MLR) ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงทุก ๆ 25bps จะทำให้กำไรของ XPCL เพิ่มขึ้นประมาณ 70-75 ล้านบาทต่อปี
ปรับเพิ่มกำไรปี 2566-2568F ขึ้นอีก 52%/17%/19%
เราปรับเพิ่มกำไรปี 2566F เพื่อสะท้อนถึง capacity factor ของ NN2 ที่เพิ่มขึ้นเป็น 30% (จาก21%) ในขณะที่ปรับเพิ่มกำไรปี 2567-68F เพื่อสะท้อนถึง i) capacity factor ของ XPCL ที่เพิ่มขึ้นเป็น 60%/65% (จาก 55%/55%) และของ NN2 ที่เพิ่มขึ้นเป็น 33.5%/33.5% (จาก 32.7%/32.5%) และ ii) อัตราดอกเบี้ยจ่ายจริง (effective interest rate) ที่ลดลงของ XPCL ทั้งนี้ ใน 1Q67TD NN2 ได้ประกาศการผลิตไฟฟ้าเบื้องต้นในเดือนม.ค.-ก.พ. 67 ที่ราว 250GWh (+18% YoY) ซึ่งการผลิตไฟฟ้าที่ไซยะบุรีก็มีแนวโน้มจะสูงขึ้นเช่นกัน ดังนั้นเราจึงคาดว่าผลประกอบการ 1Q67F จะขาดทุนน้อยลง YoY แต่แย่ลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล
ประมาณการ 4Q66F – กำไรจะดีดกลับ YoY เป็นไตรมาสแรก
CKP จะส่งงบในวันที่ 20 ก.พ. ซึ่งเราคาดว่ากำไรสุทธิใน 4Q66F จะอยู่ที่ 496 ล้านบาท (-52% QoQ,+591% YoY) โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก YoY และดีกว่าประมาณการก่อนหน้านี้ของเรา จะเป็นผลมาจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่แข็งแกร่งขึ้น เพราะได้อานิสงส์จากกระแสน้ำที่เข้าเขื่อนที่มีปริมาณสูงตั้งแต่ ส.ค. 66 จากฝนตกหนัก โดยปริมาณผลิตไฟฟ้า XPCL และ NN2 อยู่ที่ 1,872GWh (-23% QoQ, +8% YoY) และ 425GWh (+42% QoQ, +68% YoY) ส่วนกำไรที่ลดลง QoQ เป็นเพราะผลการดำเนินงานที่อ่อนแอจาก i) โรงไฟฟ้าพลังน้ำแย่ลงตามฤดูกาล ii) อัตราดอกเบี้ย XPCL สูงขึ้น และ iii) margin โครงการ BIC1-2 ถูกบีบเนื่องจากค่า Ft เหลือ 0.20 บาท/kWh (-0.47 บาท/kWh) ซึ่งหากผลประกอบการ 4Q66F เป็นไปตามคาด กำไรสุทธิในปี 2566F จะอยู่ที่ 1.40 พันล้านบาท (-42% YoY)
Valuation & Action
เราปรับเพิ่มคำแนะนำ CKP จาก ถือ เป็น ซื้อ และปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย DCF เป็น 4.36 บาท (เดิม 3.70) เราเชื่อว่าวัฏจักรของการปรับลดประมาณการน่าจะจบรอบแล้วตามแนวโน้มกำไรขาขึ้นจากแนวโน้มของการเปลี่ยนผ่านไปสู่สภาพอากาศที่ Neutral ภายในกลางปีนี้ ก่อนที่จะเกิดภาวะ La Niña ใน 2H67 ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการดีดกลับขึ้นมา ประกอบกับการที่บริษัทกำลังจะจัด site visit ให้กับนักลงทุน
Risks
ปิดซ่อมบำรุงนอกแผน, ปัญหา cost overruns และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย