วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ลุ้น Rebound
วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวลงในช่วงเปิดตลาด หลังจากทราบผลการประชุมเฟด โดยเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด พร้อมส่งสัญญาณว่าจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค. อย่างไรก็ตามมีแรงซื้อกลับในเวลาต่อมา
นำโดยหุ้นกลุ่มขนส่ง อย่าง AOT ที่ได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวจีน ที่คาดว่าจะมาท่องเที่ยวไทยมากขึ้นในช่วงตรุษจีน กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มพลังงาน ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,367.96 จุด +3.44 จุด +0.25% มูลค่าการซื้อขาย 42,002 ลบ. Program Trading +865.64 ลบ. ต่างชาติ +2,080.16 ลบ. TFEX +13,946 สัญญา ตราสารหนี้ -1,170.54 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 369.54 จุด หรือ +0.97% โดยตลาดฟื้นตัวหลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันพุธ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันนี้ เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของ FED ซึ่งได้ส่งสัญญาณว่าจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.
+ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 65.5% ที่ FED จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนมี.ค. และให้น้ำหนัก 62.0% ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือนพ.ค.
+ ทอท.เตรียมพร้อม 6 สนามบินอำนวยความสะดวกเดินทางช่วงตรุษจีน คาดผู้โดยสารแห่เข้าไทย 3.52 ล้านคน เพิ่มขึ้น 20% ฟุ้งวีซ่าฟรีไทย-จีนปี 67 มีนักท่องเที่ยวจีนกว่า 8 ล้านคน
+ ธนาคารกลางสหรัฐ ( FED ) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 4.2% ใน 1Q67
ปัจจัยลบ
- สหรัฐเปิดเผยว่าดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 49.1 ในเดือนม.ค. จากระดับ 47.1 ในเดือนธ.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 47.2
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 2.03 ดอลลาร์ หรือ -2.7% ปิดที่ 73.82 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีรายงานว่าการเจรจาพักรบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสมีความคืบหน้า ซึ่งมีแนวโน้มที่จะทำให้สงครามการสู้รบของทั้งสองฝ่ายยุติลง ทั้งนี้ที่ประชุมโอเปคพลัสมีมติคงนโยบายการผลิตตามเดิม ส่งผลให้โอเปคพลัสยังคงปรับลดกำลังการผลิต 2.2 ล้านบาร์เรล/วันใน 1Q67 ตามความสมัครใจ ส่วนซาอุดีอาระเบียสมัครใจปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรล/วัน
- WHO เตือนว่าการระงับการให้เงินสนับสนุนแก่สำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานของสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (UNRWA) อาจส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อผู้คนในฉนวนกาซาที่เดือดร้อนจากสงคราม
- รัฐบาลทหารเมียนมาระบุว่า จะขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีก 6 เดือนจนถึงวันที่ 31 ก.ค. 2567 ซึ่งเป็นการขยายเวลาครั้งที่ 5 นับตั้งแต่กองทัพเมียนมาก่อรัฐประหารโค่นอำนาจรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งเมื่อ 3 ปีก่อน ขณะที่กลุ่มกบฏชาติพันธุ์ได้เปรียบในการสู้รบรอบใหม่
- สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยคาดการณ์การส่งออกข้าวทั้งปี 67 จะลดลงเหลือ 7.5 ล้านตัน จากยอดส่งออกข้าวในปี 66 โดยไทยสามารถส่งออกได้ 8.76 ล้านตัน
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาส Rebound ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ปรับตัวลงต่อเนื่อง ส่งผลให้นักลงทุนเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังติดตามการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ดัชนีในวันนี้ที่ 1,360-1,375 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• Easy E-Receipt : BJC CPALL CPAXT COM7 SPVI CPW JMART HMPRO DOHOME GLOBAL ZEN M AU TNP KK
• หุ้นเด่น IAA : AOT CPALL CPN GPSC
• หุ้นที่คาดว่างบจะออกมาดี : SPA AUCT PLANB PRM
• ฟรีวีซ่าไทย-จีน : AOT AAV MINT CENTEL ERW SPA SKY
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเทศกาลตรุษจีน : GFPT TFG CPF SPA AOT ERW CENTEL
หุ้นรายงานพิเศษ
SUN ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 5.85 บาท (upside 8%)
"ปี 67 บริษัทเตรียมส่งออกไปยุโรปมากขึ้น"
•รายงานรายได้ 9M66 เท่ากับ 2,853 ลบ. +18%YoY และมีกำไรสุทธิ 240 ลบ. +171%YoY สาเหตุมาจากปริมาณวัตถุดิบรับเข้าเป็นไปตามแผน อีกทั้งสินค้าบรรจุกระป๋องและสินค้าแช่แข็งมียอดขายในต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยมีสัดส่วนจึงหนุนอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 17% ใน 9M65 เป็น 20% สอดคล้องกับอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 8% จาก 4% ใน 9M65
•ผู้บริหาร ตั้งเป้าทั้งปี 67 ยอดขายเติบโต 10-15% โดยบริษัทมีแผนขยายตลาดไปในยุโรปและอังกฤษมากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความต้องการสินค้าสูง อีกทั้งใน 2Q67 บริษัทเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าพร้อมทาน ได้แก่ มันหวานเผาและถั่วลายเสือ เป็น 300,000 ชิ้นต่อวัน +200%YoY ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูง
•ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการทั้งปี 67 เนื่องจากบริษัทเร่งเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้น ทำให้แนวโน้มปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น ซึ่งสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศคิดเป็น 80% ของรายได้ทั้งหมด คาดหนุนรายได้โตต่อเนื่อง ทั้งนี้ Bloomberg consensus คาดกำไรทั้งปี 66 เท่ากับ 360 ลบ. +188%YoY กำไร 9M66 คิดเป็น 67% ของประมาณการทั้งปี ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมา +14%YTD ทำให้หุ้นซื้อขายที่ P/E 13 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม 29 เท่า เราจึงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” เนื่องจาก upside มีจำกัด
หุ้นมีข่าว
(+) BDMS (Bloomberg consensus 34.00 บาท) รับอานิสงส์สาธารณสุขไทยจ่อเซ็น MOU ซาอุดีอาระเบีย ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพไตรมาส 1 นี้ หนุนพอร์ตต่างชาติขยายตัว ปักธงปี 2567 รายได้ทะยานต่อเนื่อง ยอดผู้ใช้บริการขยายตัว ขยายฐานโรคซับซ้อนสูง เก็บเกี่ยวค่ารักษาใหม่สปส.เต็มปี (ที่มา ทันหุ้น)
(+) NYT (Bloomberg consensus 5.15 บาท) รับนำเข้ารถอีวีเติบโตแรง หลังหลายค่ายเข้ามาขยายตลาดในไทย พร้อมโอกาสส่งออกในอนาคตด้วย คาดปริมาณรถผ่านท่าเทียบปีนี้เฉลี่ย 8.5-9 หมื่นคันต่อเดือน เล็งขยายคลังสินค้าเพิ่มดีมานด์เช่าพื้นที่ โบรกมองเป็นหุ้นเด่นในกลุ่มยานยนต์ยอดนาเข้ารถยนต์ ในปี 2567 แข็งแกร่งต่อเนื่องจากการแข่งขันในตลาดอีวี (ที่มา ทันหุ้น)
(+) MASTER (Bloomberg consensus 78.00 บาท) ส่องสัญญาณศัลยกรรมต้นปี 2567 สดใส ลูกค้านัดหมายคึกคัก ระบุศัลยกรรมจมูกยืนหนึ่ง ลูกค้าตบเท้าเข้าเดือนกุมภาพันธ์เพียบ ด้านผู้บริหาร "ลภัสรดา เลิศภานุโรจ" ใส่เกียร์เดินหน้าทำดีลเสริมความงามครบวงจร ปักธงรายได้ปี 2567 โต 20% (ที่มา ทันหุ้น)
(+) TSE (Bloomberg consensus - บาท) เปิดแผนธุรกิจปี 2567 ลุยประมูลงานโครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนทั้งรอบที่ 2 และ 3 รุกธุรกิจ Private PPA เดินหน้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน เล็งทำ M&A โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดเล็ก แย้มดีลพันธมิตรต่างชาติร่วมประมูลโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ สร้าง New S-Curve พร้อมเดินหน้าจับมือพันธมิตรรุกธุรกิจ Wellness เสริมสร้างรายได้เติบโตอย่างยั่งยืน (ที่มา ทันหุ้น)