วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ลุ้น Rebound
วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกสลับลบ หลังจากสิ้นสุดช่วงประกาศผลประกอบการ โดยมีแรงขายมากในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มพลังงาน โดย DELTA -4.56% ส่งผลต่อดัชนีราว -3.3 จุด มีแรงซื้อหุ้นกลุ่มขนส่ง และไอซีที
ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,367.42 จุด -3.25 จุด -0.24% มูลค่าการซื้อขาย 49,557 ลบ. Program Trading -2,123.75 ลบ. ต่างชาติ -831.28 ลบ. TFEX -18,764 สัญญา ตราสารหนี้ +2,237.30 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 90.99 จุด หรือ +0.23% ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทะยานขึ้น ท่ามกลางความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลงด้วย สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี ดาวโจนส์ลดลง 0.11%
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น 1.71 ดอลลาร์ หรือ +2.19% ปิดที่ 79.97 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้นมากกว่า 4.5% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังมีรายงานว่า กลุ่มโอเปคพลัส จะพิจารณาขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจไปจนถึง 2Q67 เพื่อพยุงราคาน้ำมันในตลาด และอาจขยายการปรับลดกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ รัสเซียจะปรับลดการผลิตน้ำมันและการส่งออกเพิ่มอีก 471,000 บาร์เรลต่อวันในไตรมาส 2 โดยร่วมมือกับประเทศในกลุ่มโอเปคพลัส
+ รองประธานาธิบดีสหรัฐเรียกร้องให้กลุ่มฮามาสตกลงหยุดยิงทันทีเป็นเวลา 6 สัปดาห์ ขณะเดียวกันก็เรียกร้องให้อิสราเอลดำเนินการให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มการส่งความช่วยเหลือไปยังฉนวนกาซา
+ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยมีความผันผวนน้อยลง แต่ศักยภาพของเศรษฐกิจกลับลดลงตามลำดับ ทั้งนี้ มองว่าไทยยังมีช่องว่างทางการคลัง สามารถใช้เงินกู้เพื่อการลงทุนยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจให้สูงขึ้น
ปัจจัยลบ
- คณะบริหารของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐมีความกังวลเกี่ยวกับระดับการมีส่วนร่วมของภาคการผลิตจีนต่อการดำเนินงานที่ท่าเรือที่สำคัญของสหรัฐ
- เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำกรุงวอชิงตันดีซีของสหรัฐตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากสถานเอกอัครราชทูตจีนในฟิลิปปินส์ จากกรณีที่แสดงความคิดเห็นล่าสุดเกี่ยวกับทะเลจีนใต้ว่าไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริงพื้นฐาน และก่อให้เกิดการกล่าวหาต่าง ๆ นานา และมุ่งร้ายต่อจีน
- ส.อ.ท.เผยสินค้าด้อยคุณภาพทุ่มตลาดไทย กระทบเอกชน ยอดขายสินค้าไทยลดลงกว่า 30% แนะรัฐเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าไม่มีมาตรฐาน จับตาสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์
+/- ตลาดการเงินทั่วโลกจะจับตาการแถลงนโยบายการเงินของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อสภา คองเกรสในวันพุธและพฤหัสบดีนี้หลังจากที่เงินเฟ้อปรับตัวขึ้นเกินคาด
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาส Rebound ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงหนุนจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้นแรงหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,360-1,375 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• ฟรีวีซ่าไทย-จีน : AOT AAV MINT CENTEL ERW SPA SKY
• FTSE Large Cap. : เข้า – ออก CPF HMPRO IVL SCGP FTSE Mid Cap. : เข้า CPF HMPRO IVL SCGP ออก - FTSE Small Cap. : เข้า – ออก KEX RABBIT RAM SAMART WORK ใช้ราคาปิด 15 มี.ค.
• BTC ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง : JTS ZIGA BROOK TTA
หุ้นรายงานพิเศษ
TACC "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 7.60 Upside 60%
"กำไร 4Q66 เติบโตดีกว่าคาด 25% ส่วนแนวโน้มปี 67 คาดเติบโตต่อเนื่อง 17%"
•งวด 4Q66 มีกำไรสุทธิ 58 ลบ. +31%YoY +13%QoQ เติบโตดีแม้มีค่าใช้จ่ายพิเศษจากการตั้งสำรองค่าเผื่อการด้อยค่าเงินลงทุนในบริษัทร่วม (TCI) 17 ลบ. หากตัดรายการดังกล่าวออกกำไรปกติจะอยู่ที่ 71 ลบ. ดีกว่าคาด 25% ขณะที่รายได้อยู่ที่ 460 ลบ. +10%YoY +8%QoQ และ %GPM อยู่ที่ 33.1% (4Q65 = 30.8, 3Q66 = 33.3%) เป็นไปตามคาด ส่วน %SG&A ปรับลดลงมาที่ 15% (4Q65 = 17.6, 3Q66 = 17.68%) จากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ โดยทั้งปี 66 รายได้และกำไร 1,714 ลบ. +13%YoY และ 207 ลบ. -12%YoY ตามลำดับ
•ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อกำไร 4Q66 เติบโตออกมาดีกว่าที่คาด ส่วนแนวโน้มปี 67 เราคาดกำไร 242 ลบ. +17%YoY เติบโตต่อเนื่อง โดยหลักมาจากการขยายสาขาของ 7-Eleven และกลุ่ม Non 7-Eleven ควบคู่กับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ขณะที่ หากการขายเงินลงทุนใน TCI แล้วเสร็จจะทำให้บริษัทไม่ต้องรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนปีละราว 10 ลบ. นอกจากนี้ เราคาด Catalyst ระยะสั้นจะมาจากการเข้าสู่ฤดูร้อนที่เร็วกว่าปกติ สนับสนุนการบริโภคเครื่องดื่ม โดยเราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 7.60 บาท Upside 60% และล่าสุดประกาศจ่ายปันผล 0.19 บาท/หุ้น คิดเป็น Yield 4% XD วันที่ 7 พ.ค. 67 และจ่ายวันที่ 20 พ.ค. 67
หุ้นมีข่าว
(+) ADVANC (Bloomberg consensus 255.00 บาท) เดินหน้า Virtual Bank ชูฐานลูกค้าสูง 45 ล้านเลขหมาย พร้อมสร้างรายได้ใหม่จากสินเชื่อ ค่าธรรมเนียม และสุขภาพ ปักธงปีนี้รายได้โต 15% YoY มุ่งเพิ่มรายได้ต่อเลขหมายจากทั้งลูกค้าทั่วไป กลุ่ม SMEs และลูกค้าธุรกิจ กำงบลงทุน 2.5 หมื่นล้านบาท ลุยขยายโครงข่าย 5G ครอบคลุม 95% ทั่วประเทศ ดันอีบิทดาเติบโต 16% (ที่มา ทันหุ้น)
(+) IP (Bloomberg consensus - บาท) ซื้อกิจการ "METTA" ลุยธุรกิจขายเครื่องมือแพทย์ และคลินิกกายภาพบำบัด พร้อมร่วมลงทุนนวัตกรรม Gene Therapy ประเทศญี่ปุ่น ฟากบอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลเป็นหุ้นอัตรา 8 : 5 พ่วงเงินสดอัตรา 0.0348 บาทต่อหุ้น แย้มแผนย้ายเข้า SET (ที่มา ทันหุ้น)
(+) III (Bloomberg consensus 11.75 บาท) ตั้งเป้ารายได้รวมปี 2567 เติบโต 15% เดินเกมขยายการเติบโตร่วมกับพันธมิตร พัฒนาโลจิสติกส์ใหม่ๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศต่อเนื่องในรูปแบบ JV และ M&A เดินหน้าขยาย ANI ออกไปนอกทวีปเอเชีย และภูมิภาคต่างๆ ในอนาคต ด้าน AOTGA รอประมูลผู้ประกอบการสุวรรณภูมิรายที่ 3 (ที่มา ทันหุ้น)
(+) KLINIQ (ราคาเหมาะสม 46.50 บาท) เล็งขยายสาขาใหม่ทำเงิน ตั้งเป้าสิ้นปี 2567 แตะ 70 สาขา จากสิ้นปี 2566 ที่ 55 สาขา ด้านบิ๊กบอส "อภิรุจ ทองวัฒน์" ตั้งเป้ารายได้ปีมังกรโตต่อ 30% จากปีก่อนทำได้ 2.28 พันล้านบาท พร้อมเจาะลูกค้าไฮเอนด์ ยอดใช้จ่ายต่อบิลสูง 8 หมื่นอัพ (ที่มา ทันหุ้น)