วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ PRTR คาดว่าจะฟื้นตัวได้ในปี 2567
กำไรสุทธิของ PRTR ในปี 2566 อยู่ที่ 206 ล้านบาท (+2% YoY) เนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น 5% YoY หักล้างไปกับอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง 30bps YoY, ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น 9% YoY และ ส่วนแบ่งผลขาดทุนจากธุรกิจใหม่ประมาณ 24 ล้านบาท
รายได้ปี 2566 เพิ่มขึ้นเป็น 6.4 พันล้านบาท (+5% YoY) เนื่องจาก i) รายได้จากธุรกิจ outsourcing เพิ่มขึ้น 4% YoY (95% ของรายได้รวม) ii) รายได้จากธุรกิจ recruitment เพิ่มขึ้น 15% YoY (4% ของรายได้รวม) และ iii) รายได้จากธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า (ฝึกอบรม, platform หางานออนไลน์ และ HRIS platform)
อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2566 ลดลงเหลือ 10.1% (-30bps YoY) เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นจากทุกธุรกิจลดลง ได้แก่ i) Outsourcing: 7.6% (-50bps YoY) ii) recruitment: 62% (-320bps YoY) จากการเพิ่มทีมสรรหาบุคลกร และ iii) ฝึกอบรม: 48.9% (-130bps YoY)
ค่าใช้จ่าย SG&A ในปี 2566 เพิ่มขึ้นเป็น 411 ล้านบาท (+9% YoY) คิดเป็นสัดส่วน SG&A ต่อรายได้ที่ 6.4% (เพิ่มขึ้นจาก 6.2% ในปี 2565) ซึ่งค่าใช้จ่าย SG&A ที่เพิ่มขึ้นสะท้อนถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจใหม่ และ ค่าใช้จ่ายในการออกและเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)
ตั้งเป้าอัตราการเติบโตของยอดขายจากธุรกิจเดิมที่ 10-15% โดยคาดว่าธุรกิจใหม่จะขาดทุนลดลง
ผู้บริหารตั้งเป้าอัตราการเติบโตของรายได้จากธุรกิจ outsourcing ปีนี้ไว้ที่ 10-15% โดยตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนพนักงาน outsourcing เป็น 18,500 คนในปี 2567 จาก 16,813 คนในปี 2566 (ยังเน้นตำแหน่งปรึกษาผลิตภัณฑ์ หรือ PC) สำหรับธุรกิจ recruitment บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตของตำแหน่งงานไว้ที่ 15% YoY (จาก 2,438 ตำแหน่งในปี 2566 เป็น 2,800 ตำแหน่งในปี 2567) และ จะเน้นทางด้าน mass replacement นอกจากนี้ ผู้บริหารยังคาดว่าผลขาดทุนจากธุรกิจใหม่จะลดลงในปี 2567 (เหลือประมาณ10 ล้านบาท จากที่ขาดทุน 24 ล้านบาทในปี 2566) เพราะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากลูกค้าใหม่ ๆ
Valuation and action
เรายังไม่มีคำแนะนำสำหรับหุ้น PRTR ทั้งนี้ ราคาหุ้น PRTR ที่ลดลงในปีที่แล้วน่าจะสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่อ่อนแอในปี 2566 กำไรของ PRTR ในปี 2567F มีแนวโน้มเติบโตโตในช่วง 8-13% โดยอิงจากสมมติฐานดังนี้ i) ยอดขายโต 10-15% ii) อัตรากำไรสุทธิที่ 3.3% และ iii) ธุรกิจใหม่มีผลขาดทุน 10 ล้านบาท
Risks
เศรษฐกิจชะลอตัว, ขาดแคลนแรงงาน, เกิด disruption จากเทคโนโลยีใหม่ และ ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ทางการ
