วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ (PCE/Core PCE)
ทางเทคนิค คาด SET Index เคลื่อนไหวลดลง แนวรับอยู่ที่ 1,365/1,356 จุด แนวต้าน 1,378/1,384 จุด (EMA 10/50 วัน) ภาพใหญ่ของดัชนีฯ ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ Down Channel 1,330-1,396 จุด
ส่วนภาพระยะสั้นมีแนวโน้มที่จะเลือกเป็น Downtrend ลงมา ทดสอบแนวรับของกรอบ โดยมีแนวรับย่อยที่ 1,365/1,356 จุด ตามลำดับ และมีสัญญาณยืนยันขาลง (Sell Signal ใหม่) หากดัชนีฯ ร่วงต่ำกว่า 1,350 จุด
ประเด็น Event สำคัญ วันนี้
Window Dressing: เราคาดว่าการทำราคาปิดก่อนสิ้นงวดบัญชี มีแนวโน้มเกิดขึ้นสูง บนคาดการณ์แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วง 2Q24E มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก 1. กระแสเงินทุนไหลเข้าของนักลงทุนต่างชาติ (Fund Flows) เริ่มทยอยไหลเข้ามาลงทุนใน GEM อิงจากผลสำรวจ FMS เดือน มี.ค. ล่าสุด 2. ประเทศไทยคาดว่าจะมีข่าวดีในช่วง 2Q24E ไม่ว่าจะเป็น 1. การเติบโตทางเศรษฐกิจรายไตรมาส 2Q-3Q24E GDP Growth เร่งสูงขึ้น ผ่านการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนและงบประจำของภาครัฐ หลังสภาฯ อนุมัติร่างงบประมาณฯ ปี 2024 หรือ 2.แนวโน้มกนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือน เม.ย. (อย่างช้า คือ เดือน มิ.ย.) เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ
Holdiay: ตลาดหุ้นโลกหลายแห่งปิดทำการวันนี้ เนื่องในวัน Good Friday (US, EU, เอเชีย HK Australia New Zealand Philippines Indonesia) ขณะที่ตลาดหุ้นที่ปิดทำการต่อเนื่องจนถึงวันจันทร์ เนื่องในวัน Easter ได้แก่ EU Hongkong Australia New Zealand โดยเทศกาลวันหยุดยาว คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อปริมาณการซื้อขายโลกลดลงในช่วงสุดสัปดาห์นี้
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ:
US: รายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.พ. ผ่าน PCE Price Index คาดปรับสูงขึ้นเล็กน้อย +0.4% MoM, +2.5% YoY (Vs เดือน ม.ค. +0.3% MoM, +2.4% YoY) แต่ Core PCE Price Index คาดเติบโตลดลงเล็กน้อย +0.3%MoM +2.8%YoY (Vs เดือน ม.ค. +0.4% MoM, +2.8% YoY) ทั้งนี้ หากตัวเลขเงินเฟ้อไม่เร่งขึ้นอย่างมีนัย จะทำให้โอกาสที่เฟดปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มิ.ย. มีความเป็นไปได้สูงขึ้น
TH: รายงานดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน ก.พ. คาดเกินดุล +USD0.1bn. (Vs เดือน ม.ค. ขาดดุล -USD0.2bn.) คาดรับผลบวกจากการส่งออกกี่ปรับตัวดีกว่าคาดการณ์ แต่ที่แย่ลง คือ กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ โดย Industirial Production เดือน ก.พ. คาดแย่ลง -3.9% YoY (Vs เดือน ม.ค. -2.94% YoY) Private Consumption เดือน ก.พ. คาด เติบโต +0.1% YoY (Vs เดือน ม.ค. 0% YoY) แต่ Private Investment เดือน ก.พ. คาดเติบโตลดลงเหลือ +0.2% YoY (Vs เดือน ม.ค. +2.6% YoY) ทั้งนี้ สัญญาณดังกล่าว สะท้อนภาพรวม 1Q24E GDP Growth เติบโตต่า เป็นโมเมนตัมลบต่อหุ้นอิงการบริโภคในประเทศ
กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ หุ้นที่มีประเด็นข่าวเชิงบวก ได้แก่ MTC SAWAD SPALI
Strategic daily picks
MTC ปิด 46.50 บาท/แนวรับ 45.00 บาท แนวต้าน 48.25 บาท
MTC ประกาศจ่ายปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2023 ที่ 0.21 บาท/หุ้น โดย XD วันที่ 29 เม.ย. 2024 คิดเป็นอัตราผลตอบแทนที่ 0.5% อย่างไรก็ดี KTX ยังคงกำไรสุทธิปี 2024-26E ที่คาดว่าจะเติบโตในอัตราเฉลี่ย 22.6% ต่อปี จากการขยายพอร์ตสินเชื่อและการเข้มงวดและควบคุมคุณภาพส่งผลให้ต้นทุนด้านเครดิตลดลง
SAWAD ปิด 42.25 บาท/แนวรับ 41.00 บาท แนวต้าน 46.00 บาท
KTX คาดว่า EPS ของ SAWAD เติบโต 14% ต่อปี ในปี 2024-26E จากการเติบโตพอร์ตสินเชื่อ 15%-20% ในปี 2024-26E และการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยบนฐานใหม่ที่รวม บจ. เงินสดทันใจเต็มปี โดย credit costs มีแนวโน้มลดลง แม้ยังทรงตัวสูงที่ 2.0-2.1% บวกกับการชะลอตัวเล็กน้อยของ cost to income ratio มาที่ 49.4% -48.7% ในปี 2024-26E ช่วยชดเชยด้วย ต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น และผลกระทบจากหุ้นปันผล ทั้งนี้ คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยมูลค่าเหมาะสมใหม่ 46.07 บาท
SPALI ปิด 21.10 บาท/แนวรับ 20.70 บาท แนวต้าน 21.80 บาท
ปี 2024 บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของยอดขายไว้ที่ 3.6 หมื่นล้านบาท จากคอนโดมิเนียม 24% และโครงการแนวราบ 76% พร้อมมีแผนเปิด 42 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 5 หมื่นล้านบาท (โครงการแนวราบ 38 โครงการ และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ) ซึ่งในช่วง 1Q24 ตั้งเป้าหมายเปิดตัว 14 โครงการใหม่ มูลค่า 1.49 หมื่นล้านบาท (2M24 เปิดแล้ว 5 โครงการ) ทั้งนี้ Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2024 ที่ 6.59 พันล้านบาท (+10.05% YoY) และมูลค่าเหมาะสม 23.36 บาท
