วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ CPF ผลการดำเนินงานกำลังดีขึ้น

ซึ่งผลประกอบการที่ดีขึ้นจะเป็นเพราะ i) ราคาหมูในเวียดนามสูงขึ้นจากจากการที่อุปทานถูกกระทบจากการระบาดของโรค ASF ในช่วงปลายปีที่แล้ว และ ii) ธุรกิจไก่ในประเทศไทยแข็งแกร่ง เนื่องจากอุปสงค์การส่งออกแข็งแกร่ง และ ราคาไก่ในประเทศสูงขึ้น (Figure 2) เราคาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 3% YoY และ 1% QoQ เป็น 1.487 แสนล้านบาท โดยคาดว่า GPM จะเพิ่มขึ้น 0.5ppts YoY และ 2.1ppts QoQ เป็น 11.3% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะต้นทุนอาหารสัตว์ลดลง ในขณะเดียวกัน เราคาดว่าสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายจะเพิ่มขึ้น 0.4ppts YoY แต่ลดลง 1.0ppts QoQ เหลือ 9.3%

 

ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่สูงจะยังคงกดดันผลประกอบการ

ถึงแม้ว่ากำไรจากการดำเนินงานจะดีขึ้น แต่เราคาดว่า CPF จะยังคงมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ดี เนื่องจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสูงถึง 6.78 พันล้านบาท (+12% YoY, -2% QoQ) ในขณะเดียวกัน เราคาดว่ารายการที่ไม่เกี่ยวกับการดำเนินงานอื่น ๆ ก็น่าจะแสดงสัญญาณที่ดีขึ้น โดยเราคาดว่า CPF จะบันทึกกำไรจากสินทรัพย์ชีวภาพ 1.20 พันล้านบาท เนื่องจากราคาหมูในเวียดนามสูงขึ้น ในขณะที่คาดว่า CTI (ธุรกิจอาหารสัตว์ และ หมูในจีน) จะมีผลขาดทุนลดลงเหลือ 1.0 พันล้านบาท จากที่ขาดทุนประมาณ 1.8 พันล้านบาทใน 4Q66 หลังจากที่ขายฟาร์มหมูที่ไม่มีประสิทธิภาพออกไปใน 4Q66 และเมื่อประกอบกับผลการดำเนินงานที่คาดว่าจะดีขึ้นของธุรกิจค้าปลีก เราคาดว่าส่วนแบ่งกำไรจาก JVs และ บริษัทร่วมจะอยู่ที่ 1.14 พันล้านบาท (จากขาดทุน 1.09 พันล้านบาทใน 1Q66, +9% QoQ หาไม่รวมกำไรพิเศษของ CTI จากการขายฟาร์มหมู)

คาดว่าผลประกอบการจะพลิกฟื้นใน 2Q67F

เรามองบวกกกับแนวโน้มผลประกอบการของ CPF ในช่วงไตรมาสที่เหลือของปีนี้ เนื่องจากคาดว่าราคาหมูในประเทศไทย และ จีนจะทยอยฟื้นตัวขึ้น นอกจากนี้ เราน่าจะเห็นอานิสงส์จากต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลงชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ 2Q67F เป็นต้นไป ดังนั้น เราคาดว่า GPM ในไตรมาสต่อ ๆ ไปจึงมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น QoQ เราคิดว่าผลประกอบการน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 4Q66 และ น่าจะพลิกเป็นกำไรได้ใน 2Q67F

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำซื้อ CPF โดยประเมินราคาเป้าหมาย SoTP ปี 2567 ที่ 22.40 บาท (ธุรกิจค้าปลีก 20.80 บาท และ ธุรกิจการเกษตร 1.60 บาท)

Risks

ต้นทุนอาหารสัตว์แพง, เศรษฐกิจโลกถดถอย, ราคาเนื้อสัตว์ผันผวน