วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง
ทางเทคนิค คาด SET Index เคลื่อนไหว ลดลง แนวรับ 1,330/1320 จุด แนวต้าน 1,350/1,360 จุด ภาพใหญ่ของดัชนีฯ หลังจากหลุดแนวรับสำคัญ 1,348 จุด ส่งผลต่อการเข้าสู่แนวโน้มขาลงรอบใหม่ โดยจะลงไปทดสอบแนวรับของกรอบ Down Channel 1,320-1,410 จุด
โดยมีแนวรับหลักที่ 1,320 จุด แนะนำชะลอเก็งกำไรจนกว่าจะเกิดสัญญาณกลับตัว (Turning Point)
ประเด็น Event สำคัญ วันนี้
US 1Q24E Earnings Results: จับตารายงานผลกาไรของ Verizon Communications, Truist Financials co, Zions Bancorp ฯลฯ
TH 1Q24 Earnigns Results: จับตารายงานผลประกอบการของ KBANK (Consensus คาด KBANK รายงานกาไรสุทธิ +3.6% YoY, +18.6% QoQ เป็น 11,130 ล้านบาท) ส่วนสัปดาห์นี้จับตาผลกาไรของ SCGP SCC PTTEP DELTA ตามลาดับ
US: สุนทรพจน์ประธานอีซีบี Lagarde ที่มหาวิทยาลัย Yale
สงครามอิสราเอล-อิหร่าน รอความชัดเจน: คาดยังคงมีความไม่แน่นอน และเป็นความเสี่ยงเชิงลบต่อการเกิดภาวะ Risk Off (ขายสินทรัพย์เสี่ยง ถือสินทรัพย์ปลอดภัย)
Weekly Strategy:กลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้
สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยร่วงแรง โดยได้รับผลกระทบจากการเร่งตัวขึ้นรุนแรงของ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ถึง 16 Bps. WoW มาที่ 2.76% ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบปี ผนวกกับการเรียกรับ MRP ที่สูงขึ้น (MRP +11 Bps. มาที่ 4.27%) เพื่อชดเชย ความเสี่ยงจากภาวะสงครามตะวันออกกลาง กดดันให้ดัชนี SET ปรับตัวลงแรงกว่า 2.4% WoW อย่างไรก็ตาม ปัจจัยหนุนจากการปรับประมาณกำไรขึ้นต่อเนื่องของ SET 12M EPS จากจุดต่ำสุดของ 1Q24 ที่ 95.6 บาท/หุ้น มาที่ 96.2 บาท/หุ้น (0.63%) อันเนื่องมาจากการเข้าสู่ห้วงกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐฯ จะเป็นปัจจัยจำกัดขาลงของดัชนี SET
กลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้: แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร”เมื่อ SET ย่อตัวลงมา 1,358 จุด (อิง MRP สูงกว่า 4.32%) (Figure 2) ในธีมการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ และการท่องเที่ยวที่อยู่ในช่วง High Season
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ:
CH Loan Prime Rate ประเภท 1 ปี และ 5 ปี: ตลาดคาดว่า PBOC ยังคงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อสำหรับลูกค้าชั้นดีประเภท 1 ปี และ 5 ปีไว้ที่ระดับเดิม 3.45% และ 3.95% ตามลำดับ โดยอาจพิจารณาผ่อนคลายทางการเงินผ่านกลไกลด RRR เพิ่มเติม หากเศรษฐกิจไม่เติบโตได้ตามเป้าหมาย 5% ในปีนี้ (1Q24 GDP เติบโต +5.4% YoY)
EU รายงาน Consumer Confidence เดือน เม.ย. (Flash): Consensus คาดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคดีขึ้นเล็กน้อยเป็น -14.2 (Vs เดือน มี.ค. -14.9) เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจอียูยังคงมีความเสี่ยง เห็นได้จากสัญญาณปรับลดประมาณการเติบโตเศรษฐกิจปี 2024E ล่าสุดของ IMF ที่ลดเป้าหมายเติบโตลงเป็น +0.8% YoY (Vs เดิม +0.9% YoY) ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ ECB มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงได้ในปีนี้ (คาดลดดอกเบี้ยก่อนเฟด) โดยตลาดคาดว่าจะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน มิ.ย. และทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับขึ้นมาอยู่ที่ -6 ในสิ้นเดือน ธ.ค. 2024
กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ หุ้นที่มีประเด็นข่าวเชิงบวก ได้แก่ CPAXT SABINA AOT
Strategic daily picks
CPAXT ปิด 30.50 บาท/แนวรับ 28.75 บาท แนวต้าน 32.50 บาท
รับอานิสงส์เชิงบวกจากเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ ทั้งมาตรการลดหย่อนภาษีจากการซื้อสินค้า-บริการสูงสุด 50,000 บาท (Easy E-Receipt) ใน 1Q24 และความชัดเจนของโครงการ ดิจิทัล วอลเล็ต ด้วยจุดเด่นจำนวนสาขารวมกว่า 2,690 สาขา (ค้าส่ง/ค้าปลีก = 168/2,522 สาขา) กระจายอยู่ทั่วประเทศ (Consensus Fair Price 35.60 บาท)
SABINA ปิด 25.25 บาท/แนวรับ 24.60 บาท แนวต้าน 27.25 บาท
เป็นหุ้น domestic play ที่ได้ประโยชน์จากการกลับเข้าสู่ช่วงของการกระตุ้นทางเศรษฐกิจไทย อีกทั้งธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) ซึ่งรับรู้รายได้เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (สัดส่วน 7% ของรายได้รวม) ยังได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากการอ่อนค่าของเงินบาทในช่วง 1Q24E ที่อ่อนค่ามากถึง -5.6% (Consensus Fair Price 31.40 บาท)
AOT ปิด 63.00 บาท/แนวรับ 61.00 บาท แนวต้าน 65.50 บาท
รับอานิสงส์เชิงบวกการลงทุนภาครัฐ ในฐานะผู้มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนนโยบายรัฐ ที่ต้องการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการบิน (Aviation Hub) ผ่านการพัฒนาและยกระดับบริการของท่าอากาศยานระหว่างประเทศที่อยู่ภายใต้การดูแล ขณะที่ปัจจัยหนุนระยะสั้น มาจากการเร่งตัวต่อเนื่องของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทย นับจากต้นปี 2024 (1 ม.ค. – 7 เม.ย. 2024) อยู่ที่ 10 ล้านคน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 4.85 แสนล้านบาท เฉลี่ยต่อหัว 48,500 บาท สูงขึ้น 3.6% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของปี 2023 ที่ 46,800 บาท Consensus Fair Price 74.00 บาท)