วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway Up

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway Up

วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบแคบ +,- ราว 4 จุด โดยในการประชุม FOMC เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาด พร้อมประกาศลดวงเงินมาตรการ QT โดยมีแรงซื้อเด่นในหุ้นกลุ่ม ICT นำโดย ADVANC หลังจากรายงานงบออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ทำให้มีแรงซื้อในหุ้น TRUE ตามมา

มีแรงขายในหุ้นกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงแรง ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,363.25 จุด -4.70 จุด -0.34% มูลค่าการซื้อขาย 48,883 ลบ. Program Trading -1,255.92 ลบ. ต่างชาติ -2,204.55 ลบ. TFEX -16,636 สัญญา ตราสารหนี้ +2,953.34 ลบ.

ปัจจัยบวก  

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 322.37 จุด หรือ +0.85% ได้แรงหนุนจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า และการชะลอตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ
+ องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2567 ขึ้นสู่ระดับ 3.1% จากเดิมที่ระดับ 2.9% โดยระบุว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนเศรษฐกิจโลก
+ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 3.3% ใน 2Q67
+ บีโอไอ เปิดเผยว่า 1Q67 มีการขอรับการส่งเสริมการลงทุน 724 โครงการ เพิ่มขึ้น 94% มูลค่าเงินลงทุนรวม 228,207 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% สะท้อนถึงศักยภาพของไทยและความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้น
+ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2567 มีแนวโน้มกลับมาขยายตัวที่ระดับ 2-3% จากการบริโภคและการลงทุนทั้งภาครัฐและภาคเอกชน

ปัจจัยลบ

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 5 เซนต์ หรือ -0.06% ปิดที่ 78.95 ดอลลาร์/บาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่ 12 มี.ค. 2567 ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ตลาดถูกกดดันจากความกังวลภาวะอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกชะลอตัว สต็อกน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และนักลงทุนมีความหวังน้อยลงว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
 

- ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ วิจารณ์ว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีแนวคิดเกลียดกลัวชาวต่างชาติ (Xenophobia) ไม่ต่างจากจีนและรัสเซีย ในงานระดมทุนแคมเปญหาเสียงเลือกตั้ง ณ กรุงวอชิงตัน
- สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 208,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ แต่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 212,000 ราย

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสแกว่งตัวปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดต่างประเทศ มีแรงหนุนจากการที่ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงมองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,360-1,370 จุด

กลยุทธ์การลงทุน  

• หุ้นได้ประโยชน์จากอากาศร้อนจัด : TACC SAPPE ICHI PLUS COCOCO MALEE TIPCO
• หุ้นเด่น IAA : AOT CK CPALL MINT
• Digital Wallet : CPALL BJC CRC DOHOME GLOBAL HMPRO
• สินค้าส่งออกเดือน มี.ค.ที่ยังเติบโต : STA NER TRUBB TEGH XO ITC AAI
• ไมโครซอฟท์ ลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ : INSET SYMC INET ITEL TKC

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

WARRIX - "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 7.05 บาท
"คาดกำไรสุทธิงวด 1Q67 ราว 37.7 ลบ. -32%QoQ, +240%YoY
เติบโตทั้งจากสินค้า Licensed และ Non-Licensed

•เราคาดการณ์รายได้จากการขายและบริการในช่วง 1Q67 ราว 312 ลบ. -21%QoQ, +25%YoY ลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล เติบโต YoY สาเหตุหลักจากยอดขายเสื้อฟุตบอลทีมชาติไทยที่เติบโต ตามกระแสฟุตบอลทีมชาติทั้งจากการแข่งขัน Asian Cup 2023 และฟุตบอลโลก มีสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้น (%GPM) ที่ 47.8% คาดอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้รวม (SG&A/Total Sales) เท่ากับ 32.7% ปรับตัวลดลง YoY, QoQ จาก 40.7% ใน 1Q66 และ 31.3% ใน 4Q66 เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายในการสรรหาบุคลากร และการเพิ่มขึ้นของจำนวนพนักงานอย่างในปี 66 ส่งผลให้เราคาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิราว 37.7 ลบ. -21%QoQ, +25%YoY คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 11.9% โดยกำไรงวด 1Q67 คิดเป็น 22% ของประมาณการกำไรปี 67

•คงประมาณการกำไรสุทธิปี 67 ที่ 175 ลบ. เติบโต 37%YoY ทำสถิติสูงสุดใหม่: เรายังคงคาดการณ์รายได้ในปี 67 ราว 1,515 ลบ. เติบโต 24%YoY บริษัทมีแผนเปิด Shop เพิ่มราว 10 สาขา แบ่งเป็นช่วง 1H67 5 สาขา และ 2H67 5 สาขา การเติบโตของยอดขายทุกกลุ่มสินค้า โดยเฉพาะสินค้า Life Style สมมติฐาน %GPM ที่ระดับ 48.0% ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 66 ที่ระดับ 47.8% เนื่องจากบริษัทจะเน้นขายสินค้าที่มี Margin สูงเพิ่มเติมส่งผลให้เราคาดกำไรสุทธิ ราว 175 ลบ. +37%YoY

•คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 67 เท่ากับ 7.05 บาท: เราประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี PEG Ratio ที่ 0.65 เท่า เพื่อสะท้อนถึงการเติบโตของผลประกอบการ โดยคาดว่ากาไรปี 67 จะเติบโต 37.2% YoY และคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 67 เท่ากับ 0.291 บาทต่อหุ้น ทำให้ได้ราคาเหมาะสมปี 67 เท่ากับ 7.05 บาทซึ่งมีอัพไซต์จากราคาปัจจุบัน 31% โดยราคาปัจจุบันคิดเป็น Forward P/E ปี 67 ที่ 19x ขณะที่คาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) ในอนาคตราว 2.3% ต่อปี เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

หุ้นมีข่าว

(+) GULF (Bloomberg consensus 53.25 บาท) รับรู้ขายไฟเพิ่ม 1.4 พันเมกะวัตต์ เต็มๆ ไตรมาส 2 หลังจ่ายไฟโรงไฟฟ้า ไอพีพี หินกอง และ GPD มีนาคม ด้านก๊าซลดลง - เอฟทีทรงตัว ย้าปีนี้จ่ายไฟใหม่ 3 พันเมกะวัตต์ มั่นใจรายได้ปีนี้โต 30% เดินหน้าประมูลงานรัฐ-หาโอกาสซื้อกิจการเพิ่ม (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ITTHI (Bloomberg consensus - บาท) เตรียมจรดปากกาเซ็นสัญญารับงานใหม่ในไตรมาส 2/2567 มูลค่าราว 100 ล้านบาท หลังงานราชการทยอยไหลออก ด้านบอสใหญ่ "ธนเสฏฐ์ อัครบุญญาพัฒน์" เตรียมประชุมบอร์ด เคาะงบ Q1/2567 วันที่ 12 พฤษภาคม 2567 เชื่อผลงานมาตามนัด ดันยอดขายทั้งปีโตกระโดด 100% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) LEO (Bloomberg consensus - บาท) ผนึกกำลังพันธมิตร "ศรีตรังโลจิสติกส์-อภิศศิโฮลดิ้ง" เปิดบริษัทใหม่ ลุยให้บริการขนส่งสินค้าทางรถไฟทั้งในและต่างประเทศแบบครบวงจร คาดกวาดรายได้เพิ่มปีละ 200 ล้านบาท ฟาก "เกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์" มั่นใจสามารถต่อยอดธุรกิจ โลจิสติกส์แบบครบวงจร หนุนผลงานโตก้าวกระโดด (ที่มา ทันหุ้น)

(+) TOA (Bloomberg consensus 30.00 บาท) คาดจะมีรายได้จากการขายในปี 67 เติบโต 5-8% ทุ่มงบ 1,000 ล้านบาท ลุยปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและลดการใช้พลังงาน รวมถึงลงทุนด้านนวัตกรรม ขณะที่นำผลิตภัณฑ์ร่วมออกบูธใน "งานสถาปนิก'67" ครั้งที่ 36 วันที่ 30 เม.ย.-5 พ.ค. 67 พร้อมเปิดนโยบาย GREEN MISSION ตอกย้ำผู้นำตลาดสีเบอร์หนึ่งเติบโตสู่ปีที่ 60 (ที่มา ข่าวหุ้น)