'นิคมอุตฯ ไทย' ผนึกกำลังโลกสุดปัง ปฏิวัติสู่อนาคตเขียว

'นิคมอุตฯ ไทย' ผนึกกำลังโลกสุดปัง ปฏิวัติสู่อนาคตเขียว

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ประกาศเดินหน้าภารกิจสำคัญ เปลี่ยนนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศให้เป็นหัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนความยั่งยืนระดับภูมิภาค

KEY

POINTS

  • มาตรการควบคุมเข้ม: ลดก๊าซเรือนกระจก, คาร์บอนฟุตพริ้นท์
  • พลังงานยั

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ประกาศเดินหน้าภารกิจสำคัญ เปลี่ยนนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศให้เป็นหัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนความยั่งยืนระดับภูมิภาค 

โดยล่าสุดได้เปิดตัวโครงการบริหารจัดการตามหลัก SDG ที่เข้มข้น พร้อมมาตรการสนับสนุนรอบด้าน เพื่อผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมไทยก้าวสู่ยุคแห่งการเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง 

ยุทธศักดิ์ สุภสร ประธานกรรมการ กนอ. กล่าวในงานสัมมนา “4th annual Sustainability Week Asia” ว่า "นิคมอุตสาหกรรมไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่ตั้งของโรงงาน แต่เป็นกลไกสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจในระยะยาว"  โครงการใหม่นี้ได้กำหนดเกณฑ์บังคับ 6 ข้อของ SDGs ที่โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมต้องดำเนินการ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมมีส่วนร่วมในเป้าหมายอื่นๆ เพิ่มเติม  หัวใจสำคัญคือการผลักดันให้โรงงานประเมินและลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของตนเองอย่างจริงจัง

\'นิคมอุตฯ ไทย\' ผนึกกำลังโลกสุดปัง ปฏิวัติสู่อนาคตเขียว

เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน กนอ. เตรียมนำมาตรการควบคุมที่เข้มงวดมาใช้ อาทิ การประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจก, การวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ทั้งระดับองค์กรและผลิตภัณฑ์, กฎระเบียบด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจก, การประเมินความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ และระบบซื้อขายคาร์บอนเครดิต  ซึ่งจะช่วยสร้างมาตรฐานและเพิ่มความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในภาคอุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญ

"เราตระหนักดีว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมไฮเทค เช่น AI และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ จะมาพร้อมกับความต้องการพลังงานที่สูงขึ้น" คุณยุทธศักดิ์กล่าวเสริม "ดังนั้น กนอ. จึงมุ่งมั่นพัฒนาโซลูชันพลังงานที่มีต้นทุนคุ้มค่าและยั่งยืน เพื่อสนับสนุนการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม"

นอกจากนี้ กนอ. ยังได้นำแนวคิด Industrial Clusters มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรและสร้างความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจผ่านการดำเนินงานร่วมกัน  รัฐบาลพร้อมสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก และให้บริการด้านความยั่งยืนในรูปแบบ Shared Services เช่น พลังงานหมุนเวียน, การจัดการของเสียร่วมกัน และแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการนำแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไปปฏิบัติ

การพัฒนา โมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียน

อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือการพัฒนา โมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียน และแนวคิด "Plug-and-Play" ที่จะช่วยให้ธุรกิจใหม่สามารถเข้ามาใช้โครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ทันที โดยไม่ต้องลงทุนสร้างระบบเอง  ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมความยั่งยืนตั้งแต่เริ่มต้น

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญคือการสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน  กนอ. จึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการศึกษา ควบคู่ไปกับการออกมาตรการจูงใจ เช่น สิทธิประโยชน์ทางภาษีและเงินอุดหนุน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการนำแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไปใช้อย่างกว้างขวาง

แม้ว่าภาคธุรกิจบางส่วนจะกังวลเกี่ยวกับต้นทุนในระยะสั้น แต่ กนอ. ยืนยันว่าการดำเนินงานที่ยั่งยืนเป็นการลงทุนระยะยาวที่ให้ผลตอบแทนทั้งทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม  โดยเน้นย้ำให้บริษัทต่างๆ เริ่มจากการปรับปรุงเล็กๆ น้อยๆ ที่จับต้องได้ และสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนอย่างแท้จริง

ความยั่งยืนไม่ใช่ภาระ แต่เป็นโอกาสทางธุรกิจการลดความสูญเปล่าในการใช้ทรัพยากร พลังงาน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างผลกำไรให้ธุรกิจได้ในระยะยาว ขณะเดียวกันก็เป็นการปกป้องสิ่งแวดล้อมเพื่ออนาคต

การอภิปรายครั้งนี้เป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของทุกภาคส่วนในการบูรณาการแนวคิดความยั่งยืนเข้าสู่รูปแบบการดำเนินงานของภาคอุตสาหกรรมไทยอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความสำเร็จในระยะยาวและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน