วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง ผลกำไรบริษัทจดทะเบียน
ทางเทคนิค คาด SET Index เคลื่อนไหว Sideways แนวรับ 1,360/1,350 จุด (1/2 และ 1/3 ของกรอบไฟโบแนนซี่ 1,325-1,380 จุด) แนวต้าน 1,380/1,385 จุด ภาพใหญ่ดัชนีฯ ยังคงอยู่ในลักษณะขึ้นไปทดสอบแนวต้านของกรอบ Down Channel ที่ 1,380 จุด
ส่วนภาพระยะสั้น หลังจากเกิด ขาขึ้นแบบ V-Shape จากต่ำสุด 1,330.24 จุด เมื่อวันที่ 19 เม.ย. พบว่า ดัชนีฯ ไม่สามารถผ่านแนวต้าน EMA 50/75 วัน ที่ 1,375-1,380 จุด ขึ้นไปได้ ทำให้บริเวณดังกล่าวกลายเป็นแนวต้านสำคัญ และกดดัชนีฯ อ่อนตัวตลอดปลายสัปดาห์ก่อน โดยหากหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,350 จุด จะกลายเป็น Sell Signal รอบใหม่
ประเด็น Event สำคัญ วันนี้
1Q24E Earnings Results: จับตารายงานผลกำไรของ Softbank (คาด EPS -JPY5.83 Vs Previous -JPY44.49) Bridgestone (คาด EPS JPY132.35 Vs Previous JPY132.24)
TH 1Q24 Earnigns Results: จับตารายงานผลประกอบการของ COM7 CPF CPN CRC PTTGC RJH SISB THANI ฯลฯ
US: สุนทรพจน์ของ Fed Cleveland Loretta Mester และ Fed VP Philip Jefferson ในงานประชุมที่เมืองคลีฟแลนด์
EU: Finance Minister ของกลุ่มอียู ประชุมที่บรัสเซล เป็นวันแรกจากกำหนดการ 2 วัน
Weekly Strategy: มุมมองต่อ SET Index:
ตลาดหุ้นไทยยังคงเผชิญความเสี่ยงจากการไหลออกของกระแสเงินทุนต่างชาติในสัปดาห์นี้ เนื่องจาก 1. การรายงาน 1Q24 GDP ของไทยมีโอกาสติดลบต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 (เข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค อิงบทวิเคราะห์ KTX AHEAD ฉบับวันที่ 7 พ.ค.) 2. การรายงานอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่แนวโน้มทรงตัวในระดับสูง ทำให้ตลาดกังวลต่อการคงดอกเบี้ยยาวนานของเฟด และ 3. การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) เนื่องจากธนาคารกลางในยุโรป มีโอกาสสูงขึ้นที่จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย อาทิ ECB BOE ฯลฯ ก่อนหน้าเฟด ทำให้ค่าเงิน USD มีแนวโน้มกลับเข้าสู่ทิศทางแข็งค่า (สัปดาห์ก่อนอ่อนค่า WoW จากปัจจัยการแทรกแซงค่าเงินเยน) ซึ่งจะส่งผลลบมากขึ้นต่อการไหลกลับของกระแสเงินทุนต่างชาติ
อย่างไรก็ตาม จากเครื่องมือ KTX USDTHB Momentum (ประเมินการแกว่งตัวของค่า เงินบาทเปรียบเทียบความผันผวนในรอบ 60 วัน) ได้สะท้อนว่า การอ่อนค่าของค่าเงินบาท ใกล้แตะระดับ +2.0 S.D. (37.4 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ) สะท้อนค่าเงินบาทเทียบ USD ที่อ่อนค่ามากเกินไป (Oversold) ซึ่งมีนัยถึง การอ่อนค่าจากนี้ไปในระยะสั้น อาจมีจำกัด ทำให้การไหลออกของนักลงทุนต่างชาติ คาดว่าจะมีผลเชิงลบจากัดต่อตลาดหุ้นไทยเช่นกัน
กลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้: เรายังยึดแนวทาง Conservative ด้วยการคงการเรียกรับส่วนชดเชยความเสี่ยง (Market risk premium) สูงกว่าระดับปกติ เพื่อรองรับความเสี่ยงจากกระแสเงินทุนต่างชาติไหลออก และแนะนำ ทยอยขาย หากดัชนีปรับตัวสูงขึ้นกว่า 1,400 จุด (อิง MRP ต่ำกว่า 4.12% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 90 วัน -2 S.D.) และ ซื้อ เมื่อดัชนีปรับตัวต่ำกว่า 1,314 จุด (อิง MRP สูงกว่า 4.56% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 90 วัน +2 S.D.) ส่วนการเก็งกำไรสัปดาห์นี้ แนะนำ TU SAPPE ซึ่งเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของ เงินบาท จากโอกาสที่ไทยจะปรับลดดอกเบี้ยลงก่อนสหรัฐฯ และภาวะดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่า และแนะนำ SAWAD ซึ่งเป็นตัวแทนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากโอกาสลดดอกเบี้ยของ กนง. ที่จะมีมากขึ้น หากรายงาน 1Q24 GDP ของไทยอ่อนแอ
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ:
US: Consumer Inflation Expectation เดือน เม.ย. คาดเพิ่มขึ้นเป็น 3.1% YoY โดยคาดว่าจะเป็นครั้งแรกที่มีมุมมองเชิงบวก หลังจากคงประมาณการที่ระดับ 3% YoY ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดรอบสามปี นับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2023 เป็นต้นมา สะท้อนตลาดมีความกัวลต่อเงินเฟ้อสหรัฐฯ อาจไม่ปรับลดลงมายังกรอบเป้าหมายของเฟดและทำให้จำเป็นต้องคงดอกเบี้ยที่ระดับสูงยาวนานตลอดปีนี้
กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ หุ้นที่มีประเด็นข่าวเชิงบวก ได้แก่ TU SAPPE SAWAD
Strategic daily picks
TU ปิด 15.00 บาท/แนวรับ 14.50 บาท แนวต้าน 15.70 บาท
TU กำไรสุทธิ 1.15 พันล้านบาท ใน 1Q24 ดีกว่าคาด (คาด 845 ล้านบาท) จากอัตรากำไรขั้นต้น 17.3% (เราคาด 16.9%) และกำไรพิเศษ 232 ล้านบาท (เราคาด 50 ล้านบาท) ดีกว่าคาด โดยเป็นกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 209 ล้านบาท และกำไรปกติ 921 ล้านบาท ใน 1Q24 ดีกว่าคาด 3% (เราคาด 895 ล้านบาท) ทั้งนี้ KTX ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มกำไรปกติปี 2024E คาดโต 30% หลังจากไม่ต้องรับรู้ภาระขาดทุนใน RL ทั้งนี้ KTX ประเมินมูลค่าเหมาะสม 15.88 บาท
SAPPE ปิด 94.75 บาท/แนวรับ 90.00 บาท แนวต้าน 99.50 บาท
KTX คาดกำไรปกติ 1Q24 ที่ 335 ล้านบาท โต 20% YoY, 123% QoQ จากยอดขายและอัตรากำไรเพิ่ม และคาดมีขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 15 ล้านบาท จึงคาดกำไรสุทธิ 320 ล้านบาท (+17% YoY, +91% QoQ) ขณะที่โมเมนตัม 2Q-3Q สดใส ซึ่งปกติใน 2Q-3Q ของปี จะเป็นฤดูกาลขายดีของตลาดเอเชียและไทย (สัดส่วนรวม 60% ของยอดขายรวม) ใน 2Q และตลาดส่งออกจะเป็นฤดูกาลขายดีใน 3Q ทั้งนี้ KTX ประเมินมูลค่าเหมาะสม 95.00 บาท
SAWAD ปิด 38.25 บาท/แนวรับ 37.00 บาท แนวต้าน 40.00 บาท
KTX คาดกำไรสุทธิ 1Q24E ที่ 1,315 ล้านบาท (+9.5% YoY, +3.8% QoQ) และคาดสินเชื่อเติบโต 48.9% YoY จากฐานต่ำ เนื่องจากใน 1Q23 ยังไม่ได้รวมงบการเงิน บริษัท เงินสดทันใจเข้ามา และเติบโต 1% QoQ ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนซึ่งไตรมาส 1 มักจะเป็น low season ซึ่งกำไร 1Q24E คิดเป็น 22% ของประมาณการทั้งปี โดยคาดกำไร 2H24E จะสูงกว่า 1H24E ผลจากปัจจัยฤดูกาล บวกกับต้นทุนสำรองคาดมีแนวโน้มปรับตัวลดลง HoH เข้าสู่ระดับที่ 2% ทั้งนี้ KTX แนะนำ “ซื้อ” ด้วยมูลค่าเหมาะสม 46.07 บาท