วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SVI มีโอกาสให้เก็งกำไรได้บ้าง
ถึงแม้ว่ายอดขายของ SVI จะลดลงใน 1Q67 (142 ล้านดอลลาร์ฯ) แต่บริษัทยังคงเป้ายอดขายปี 2567 เอาไว้ที่ 753 ล้านดอลลาร์ฯ
โดยบริษัทคาดว่ายอดขายจะเร่งตัวขึ้นในไตรมาสที่สองจากการเริ่มผลิตแบบ mass production ของลูกค้ารายใหม่ (มูลค่ายอดขายประมาณ 100 ล้านดอลลาร์ฯ ในปี 2567) และสถานการณ์การปรับสมดุลสต็อกสินค้าที่น่าจะดีขึ้น ทั้งนี้ การจะทำยอดขายให้ได้ตามเป้า บริษัทต้องทำยอดขายให้ได้ประมาณ 200 ล้านดอลลาร์ฯ/ไตรมาส ซึ่งดูค่อนข้างท้าทายเมื่อดูจากผลการดำเนินงานใน1Q67 ดังนั้น เราจึงยังคงประมาณการยอดขายปี 2567F ของเราเอาไว้ที่ 695 ล้านดอลลาร์ฯ (ต่ำกว่าเป้าของ
บริษัท 8%)
.. และ คงเป้าอัตรากำไรขั้นต้นไว้ในช่วง 8.5% - 9.0%
อัตรากำไรขั้นต้นใน 1Q67 สูงเป็นพิเศษที่ 10.7% เพราะมีรายการคำสั่งซื้อที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงเป็นพิเศษ ดังนั้น อัตรากำไรขั้นต้นจึงน่าจะลดลง QoQ เพราะไม่มีรายการคำสั่งซื้อแบบนั้นอีก แต่อัตรากำไรขั้นต้นยังอาจจะเพิ่มขึ้น YoY เพราะได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินบาท ทั้งนี้ อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย QTD อยู่ที่ 36.7 บาท/ดอลลาร์ฯ (จาก 34.4 บาท/ดอลลาร์ฯ ใน 2Q66 และ 35.6 บาท/ดอลลาร์ฯ ใน 1Q67) ทั้งนี้ ผู้บริหารยังคงเป้าอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้เอาไว้ในช่วง 8.5% - 9.0% (เราใช้สมมติฐานปี 2567F ที่ 8.3%)
เป็นโอกาสให้เก็งกำไรระยะสั้นได้
เนื่องจากกำไรใน 1Q67 คิดเป็น 32% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา ประมาณการกำไรปี 2567 ของเราจึงยังมี upside อีก (ประมาณ 5-10%) ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจากอัตรากำไรขั้นต้น อย่างไรก็ตาม เรายังคงประมาณการกำไรปี 2567F เอาไว้เท่าเดิมไปก่อน เพราะมองว่ายังมีความท้าทายในแง่ของยอดขายอยู่ ซึ่งเราต้องติดตามจังหวะการฟื้นจะตัวของยอดขายต่อไป เราคิดว่าประมาณการกำไรปีนี้ของเรายังมี upside อยู่ในช่วง 15% - 35% ถ้าหากบริษัทสามารถทำยอดขาย และ เพิ่มอัตรากำไรขึ้นต้นได้ตามเป้า นอกจากนี้เงินบาทที่อ่อนค่าลงใน 2Q67 ยังจะช่วยหนุนกำไรใน 2Q67 และ เปิดโอกาสให้เข้าเก็งกำไรได้บ้าง
Valuation & action
เราคงคำแนะนำ “ถือ” SVI และ ยังคงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ไว้ที่ 6.80 บาท อิงจาก PER ที่ 15.0x (เท่ากับค่าเฉลี่ยในอดีตของ Hana Microelectronics (HANA.BK/HANA TB)* -0.25 S.D.)
Risks
ภัยธรรมชาติ, มีการปิดโรงงานนอกแผน, ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier รายอื่น, ขาดแคลนวัตถุดิบ, เงินบาทแข็งค่าขึ้น