วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ยังมองเงินมีโอกาสไหลเข้าตราสารหนี้ ซึ่งจะสร้างความผันผวนในช่วงมิ.ย.

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ยังมองเงินมีโอกาสไหลเข้าตราสารหนี้ ซึ่งจะสร้างความผันผวนในช่วงมิ.ย.

ยังคงมุมมองตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอลง ระยะสั้นบวกกับตราสารหนี้มากกว่าหุ้น สหรัฐฯ รายงานตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อ 31 พ.ค. ดัชนีรายจ่ายส่วนบุคคล (PCE Deflator) เม.ย. ออกมาตามคาดที่ +0.3% MoM, +2.7% YoY

ตัวเลขการใช้จ่ายส่วนบุคคล (Personal spending) เม.ย. ชะลอตัวลง +0.2% MoM (vs คาดการณ์ +0.3% MoM และมี.ค.ที่ +0.8% MoM)  ขณะที่ 3 มิ.ย. ISM Manufacturing พ.ค. ชะลอตัวเหลือ 48.7 (เทียบคาดการณ์ที่ 49.5 และ เม.ย.ที่ 49.2) ตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอลงโดยเฉพาะการบริโภคแม้หนุนมุมมองดอกเบี้ยชะลอ แต่ในระยะสั้นจะก่อความกังวลกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจและผลประกอบการในระยะถัดไป ทำให้นักลงทุนอาจเริ่มประกันควมเสี่ยงจากสถานการณ์ดังกล่าวด้วยการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ และอาจลดน้ำหนัก หรือขายทำกำไรหุ้นในระยะสั้นได้

ปัจจัยในประเทศเปราะบาง และอาจกระทบความคาดหวังการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ การพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรี หลังการแต่งตังรัฐมนตรีที่อาจมีปัญหาด้านจริยธรรม ส่งผลกระทบต่อความคาดหวังการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจาก 1) อาจกระทบต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังดำเนินการ รวมไปถึง Digital Wallet 2) การพิจารณาคาบเกี่ยวกับงบประมาณปี 2568 ไม่ว่าจะเป็นการประชุมสภาผู้แทนฯ (19-20 มิ.ย.) หรือการประชุมของกมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ (24 มิ.ย.เป็นต้นไป) 
 

 

กลุ่มโอเปคมีแผนยุติการปรับลดกำลังการผลิตแบบสมัครใจหลังสิ้นไตรมาส 3/67 แม้ภาครวมโอเปคจะยังคงมีการปรับลดกำลังการผลิตไปจนถึงปี 2568 แต่จะเริ่มเห็นการทยอยปรับลดระดับการปรับลดกำลังการผลิตลง โดยเฉพาะการปรับลดกำลังการผลิตแบบสมัครใจ 2.2 ล้านบาร์เรล ที่จะยุติลงหลังสิ้นไตรมาส 3/67 ทำให้ระยะสั้นราคาน้ำมันดิบอาจตอบรับเชิงลบ กระทบต่อจิตวิทยาลงทุนกลุ่มพลังงาน   อย่างไรก็ตามจะเป็นบวกต่อกลุ่มขนส่งและเดินเรือจากต้นทุนที่ลดลง

ภาพรวมกลยุทธ์ ปัจจัยกังวลต่างๆ ทำให้คาดหุ้นไทยมีโอกาสแกว่งลง 1,300-1,330 จุด ซึ่งจะเป็นโอกาสซื้อที่ดีที่สุดในรอบ 12-18 เดือน และด้วย Valuation ของ SET ที่แข็งแกร่งในระดับ 1,300 จุด เราประเมินความเสี่ยงของการลงแรงถึงระดับ 1,100-1,200 จุด อยู่ในระดับต่ำ 

หุ้นแนะนำ: SCGP*, STP*, PRM*, SJWD*

แนวรับ: 1,300-1,330 / แนวต้าน : 1,355 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ    

OPEC+ ขยายเวลาลดการผลิตน้ำมันจนถึงปี 68 - สมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) และชาติพันธมิตร หรือโอเปคพลัส เห็นพ้องขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันส่วนใหญ่ออกไปจนถึงปี 2568 เพื่อพยุงราคาน้ำมันในตลาด ท่ามกลางอุปสงค์ที่ซบเซาและอัตราดอกเบี้ยที่สูง (อินโฟเควสท์)

Super App ทางรัฐ แอปใหม่รัฐบาล 95 ล้านบาท แจกเงินดิจิตอล 10,000 (กรุงเทพธุรกิจ)

คลัง เตรียมออก Easy e-Receipt ช่วงรอดิจทัลวอลเล็ทหวังกระตุ้น ศก. -รมช.คลัง เผยเตรียมฟื้น ช้อปลดหย่อนภาษี Easy e-Receipt ระหว่างรอโครงการดิจิตอลวอลเลทที่จะออกปลายปีนี้ หวังกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น พร้อมฝากสรรพากรออกแผนลดภาษีบ้านที่ติดโซลาร์เซลล์ (อินโฟเควสท์) 

 

คลังกั๊ก LTF ลุ้นเหนื่อย 12 มิ.ย. ถกเข้มปั่นหุ้น  - คลังรับยังไม่ได้ข้อสรุปจะนำ LTF กลับมาใช้หรือไม่ ชี้อาจจะหาทางบูม Thai ESG แทน ด้านตลท. เตรียมถก ก.ล.ต. 12 มิถุนายนนี้ ยกระดับกระบวนทำงานตรวจจับ ปั่นหุ้น อินไซด์ เปิดเผยข้อมูลเป็นเท็จ หวังประสิทธิภาพมากขึ้น (ข่าวหุ้น)  

ธปท. คาดเศรษฐกิจ พ.ค. ฟื้นรับการบริโภคเอกชน-ท่องเที่ยวหนุน มั่นใจเงินเฟ้อบวกต่อ ธปท. ประเมินกิจกรรมทางเศรษฐกิจเดือน พ.ค. 67 ยังเป็นบวก ได้การบริโภคภาคเอกชนฟื้นมาช่วยภาคท่องเที่ยวอีกแรง มั่นใจเงินเฟ้อยังเป็นบวก (อินโฟเควสท์)

GRAMMY ปิดดีล Tencent ขาย GMM Music 10% รับเงินสด 45 ล้านดอลลาร์-แลกหุ้น Joox Thailand 30% (อินโฟเควสท์)

ITTHI ส่งซิก Q2 โตต่อ ลุยออกสินค้าใหม่-คว้างานรัฐเพิ่ม ตุนแบ็กล็อก 260 ล้านบาท (ข่าวหุ้น)

 

ประเด็นติดตาม:   6 มิ.ย. – EU การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) 

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)