วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ BAM การตั้ง JV-AMC จะส่งผลดีในระยะยาว
BAM ลงนามในสัญญาร่วมกับธนาคารออมสิน (GSB) เพื่อตั้ง JV-AMC ที่ใช้ชื่อว่า “Ari-AMC” ถือหุ้นคนละครึ่ง โดยในเบื้องต้น JV-AMC น่าจะเพิ่มทุน 1.0 หมื่นล้านบาทเพื่อซื้อ NPL ในกลุ่มสินเชื่อมีหลักประกัน และ ปลอดหลักประกันจาก GSB มูลหนี้ไม่เกิน 4 หมื่นล้านบาท
โดยในช่วงต้น ส่วนใหญ่จะเป็น NPL ของสินเชื่อมีหลักประกันในกลุ่ม SME ที่มีมูลค่าสินเชื่อ/บัญชีไม่เกิน 20 ล้านบาท ซึ่งรวมถึง legacy NPL ที่เกิดก่อน COVID และ ในช่วงที่ COVID ระบาด ต่อจากนั้น Ari-AMC จะเข้าไปซื้อหนี้ในกลุ่มสินเชื่อหลักประกัน ทั้งนี้ BAM กำลังอยู่ในขั้นตอนของการยื่นขอใบอนุญาตตั้ง AMC จาก ธปท. ซึ่งอาจจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน และ Ari-AMC น่าจะเริ่มเปิดดำเนินการได้อย่างเร็วที่สุดใน 4Q67 ทั้งนี้ เราคิดว่าในระยะยาว Ari-AMC จะเป็น vehicle หลักในการบริหารจัดการหนี้เสียจาก SFI อื่น ๆ อย่างเช่น GHB, ธนาคาร SME, และ ธนาคารอิสลาม
….เพิ่มโอกาสการทำกำไรในอนาคตเร็วสุดปี 2567
Ari-AMC ถูกตั้งขึ้นมาโดยข้อตกลงกับกระทรวงการคลังเพื่อมุ่งแก้หนี้เสียที่อยู่ภายใต้ธนาคารออมสิน ซึ่งความมุ่งหมายดังกล่าวทำให้เราเป็นห่วงว่า JV-AMC อาจจะไม่ได้มุ่งเป้าไปที่การทำกำไรในระยะสั้นและ การซื้อหนี้เสียเพิ่มขึ้นจะทำให้ต้องตั้งสำรองถ้าหากยอดเก็บเงินสดต่ำกว่าประมาณการ อย่างไรก็ตาม JV-AMC อาจจะได้อานิสงส์ในระยะยาวในปี 2568 เมื่อภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นช่วยหนุนให้ยอดเก็บเงินสดเพิ่มขึ้น เราใช้สมมติฐานว่ายอดเก็บเงินสดจะฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งตามภาวะเศรษฐกิจในปี 2568F โดยคาดว่าจะโต 13% และเติบโต 15% ในปี 2569 (จาก +11% ในปี 2567F) และ จะทำให้ BAM ได้รับส่วนแบ่งกำไรจาก Ari-AMC 150/350 ล้านบาทในปี 2568/2569
ยอดเก็บเงินสด (cash collection) จะดีขึ้น 2Q67 แต่ยังต่ำกว่าที่วางแผนเอาไว้
BAM มียอดเก็บเงินสดของ ในปี 2564/2565/2566 อยู่ที่ 1.6/1.69/1.51 หมื่นล้านบาท ในขณะที่ตัวเลขชี้วัดประสิทธิภาพการกำไร 1.) สัดส่วนกำไรสุทธิ/ยอดเก็บเงินสดลดลงอยู่ที่ 16%/16%/10% และ 2.) สัดส่วนกำไรสุทธิ/สินทรัพย์ด้อยคุณภาพ มีสัดส่วนที่ลดลง อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่ายอดเก็บเงินสดจะมีตัวเลขที่ทยอยเพิ่มขึ้นใน 2Q67 เพราะมีหลายดีลที่เจรจาค้างอยู่ในไตรมาส 1Q66 จะมีข้อสรุปใน 2Q67 เราคาดว่ายอดเก็บเงินสดจะเพิ่มขึ้นจาก 3.5 พันล้านบาทใน 1Q67 เป็น 4.5 พันล้านบาทใน 2Q67 หรือ เท่ากับ 8-8.5 พันล้านบาทใน 1H67F คิดเป็น 43-45% ของเป้าปีนี้
ปรับประมาณการกำไรปี 2568F ขึ้น 4% แต่คงราคาเป้าหมายปี 2567F เอาไว้ที่ 10.50 บาท และ แนะนำถือ
เราใส่รายได้จากส่วนแบ่งกำไร 150 ล้านบาทจาก Ari-AMC เข้ามาในประมาณการ ทำให้ประมาณการคงประมาณกำไรปี 2567 แต่จะปรับกำไรปี 2568F เพิ่มขึ้น 4% ทั้งนี้ เมื่อใช้ PE ปี 2567F ที่ 17.5x (เท่ากับ - 1S.D.) เรายังคงราคาเป้าหมายปี 2567F เอาไว้ที่ 10.50 บาท และ แนะนำ ถือ BAM