กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ เน้นเทรดดิ้งรายตัว ภาพใหญ่ของตลาดยังไม่มีปัจจัยบวก

กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ เน้นเทรดดิ้งรายตัว ภาพใหญ่ของตลาดยังไม่มีปัจจัยบวก

ดัชนี SET Index แนวโน้มแกว่งตัวไซด์เวย์ ยังขาดปัจจัยกระตุ้นในช่วงสั้น ในสัปดาห์ที่แล้ว (10-14 มิถุนายน) ตลาดหุ้นไทยอยู่ในโหมด sideways down ซึ่งแย่กว่าที่เราคาดเอาไว้เนื่องจากเหตุผลดังต่อไปนี้

ประการแรก นักลงทุนยังคงระมัดระวังกับสถานการณ์การเมืองไทย เพราะศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล และ คดีการปรับคณะรัฐมนตรีของนายกเศรษฐา ทวีสินในวันที่ 18 มิถุนายน

ประการที่สอง ทิศทางนโยบายการเงินสหรัฐยังมีความไม่แน่นอน เพราะผลการประชุม FOMC รอบล่าสุดส่งสัญญาณว่าจะมีการลดดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในปี 2567

ประการที่สาม กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงไหลออกจากหุ้นไทย ท่ามกลางแรงกดดันจากปัญหาการเมือง และ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกรอบเวลาการบังคับใช้เกณฑ์ใหม่เกี่ยวกับการขาย short selling และ program trading

สำหรับในสัปดาห์นี้ (17-21 มิถุนายน) เราคาดว่าดัชนี SET น่าจะทรงตัว ในขณะที่ยังไม่มีปัจจัยกระตุ้นด้านบวกเข้ามาในตลาด ดัชนี SET เข้าใกล้เขต value zone ที่ประมาณ 1,300 จุดแล้ว ดังนั้นแรงขายจึงน่าจะแผ่วลงไปบ้าง เรามองว่าธีมของตลาดในสัปดาห์นี้มีดังนี้ …

ธีมแรก กระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลออกจากหุ้นไทยอาจจะชะลอลง เพราะราคาหุ้นที่ถูกในขณะนี้ และ ยังมีประเด็นข่าวล่าสุดว่าอาจจะเริ่มใช้เกณฑ์ ‘uptick rule’ ในเดือนกรกฎาคม

ธีมที่สอง ผู้บริหาร Fed หลายรายมีกำหนดกล่าวปาฐกถาในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดกลับมากังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในยุโรป ซึ่งเป็นประเด็นที่ฉุดรั้งค่าเงินยูโรในช่วงที่ผ่านมา

ธีมที่สาม นักลงทุนกำลังติดตามว่าการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 18 มิถุนายนจะมีการกำหนดวันตัดสินกรณีคำร้องให้ยุบพรรคก้าวไกล และคำร้องให้พิจาณาสถานะของนายกฯ เศรษฐา กรณีปรับคณะรัฐมนตรี หรือไม่

 

ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ และ จีน, ปาฐกถาของผู้บริหาร Fed และ กระแสข่าวการเมืองไทย

ปัจจัยสหรัฐ: ติดตามการประกาศตัวเลขยอดค้าปลีกเดือนพฤษภาคมในวันที่ 18 มิถุนายน และ flash PMIs เดือนมิถุนายนในวันที่ 21 มิถุนายน นอกจากนี้ ยังมีผู้บริหาร Fed หลายรายที่มีกำหนดจะออกมากล่าวปาฐกถาในสัปดาห์นี้

ปัจจัยจีน: ติดตามผลการประชุมเพื่อตัดสินอัตราดอกเบี้ย MLF ในวันที่ 17 มิถุนายน และ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR ในวันที่ 20 มิถุนายน ซึ่ง Consensus คาดว่าอัตราดอกเบี้ยทั้งสองชุดน่าจะคงอยู่ที่ระดับเดิม

ปัจจัยไทย: ติดตามการพิจารณาของศาลในสองคดีการเมืองที่ระบุข้างต้น และ ปัจจัยที่จะกระทบกับตลาดอย่างเช่น กองทุน LTF, การประกาศรายชื่อหุ้นที่จะใช้คำนวณดัชนี SET50 และ SET100 ในงวด 2H67 และ กรอบเวลาในการเริ่มใช้มาตรการดูแลตลาดหุ้น

เน้นหุ้นแบบ bottom-up ideas ตามที่เราแนะนำไว้ในบทวิเคราะห์กลยุทธ์เดือนมิถุนายน

เนื่องจากเรามองว่าตลาดหุ้นไทยยังขาดปัจจัยกระตุ้นด้านบวกในเชิงมหภาค เราจึงแนะนำให้นักลงทุนเกาะอยู่กับแนวทางการซื้อขายหุ้นแบบ bottom-up ตามที่เราระบุไว้ในบทวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุนเดือนมิถุนายน บวกกับหุ้นที่เคลื่อนไหวตามภาวะเศรษฐกิจโลกอีกสองสามตัวดังต่อไปนี้

กลุ่มแรก คือ หุ้นที่จะได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในยุโรป และ จีน อย่างเช่น MINT*, CPF* และ SCGP*

กลุ่มที่สอง คือ หุ้นที่จะได้อานิสงส์จากธีมวัฏจักรเทคโนโลยีที่ยาวขึ้น, การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของ AI ทั่วโลก และ ผลประกอบการมีแนวโน้มดีขึ้นใน 2H67 ซึ่งในธีมนี้ เราชอบ DELTA*

กลุ่มที่สาม คือ หุ้นในกลุ่ม F&B ที่ผลประกอบการ 2Q67 มีแนวโน้มแข็งแกร่ง อย่างเช่น OSP* และ CBG*