วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง ภาคการผลิตและภาคบริการเดือน มิ.ย. เบื้องต้น ของ US EU JP

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง ภาคการผลิตและภาคบริการเดือน มิ.ย. เบื้องต้น ของ US EU JP

ทางเทคนิค คาด SET Index เคลื่อนไหว Sideways Down แนวรับ 1,292/1,288 จุด แนวต้าน 1,310/1,315 จุด ภาพระยะยาว ยังคงอยู่ในแนวโน้ม ขาลงไปทดสอบแนวรับของกรอบ Down Channel (กรอบ 1,200-1,366 จุด) ที่ 1,280/1,260 จุด ตามลำดับ

ส่วนภาพระยะสั้น การรีบาวนด์คาดว่าจะอยู่ในกรอบจำกัด โดยมีเป้าหมายแรกที่ 1,330 จุด (EMA 25 วัน) หลังจากเกิดรูปแบบกลับตัว Long Leg Doji เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เราแนะนำ Trading Buy เพื่อขายทำกำไรที่แนวต้าน 1,330 จุด โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ระดับ 1,296 จุด

 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง ภาคการผลิตและภาคบริการเดือน มิ.ย. เบื้องต้น ของ US EU JP

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง ภาคการผลิตและภาคบริการเดือน มิ.ย. เบื้องต้น ของ US EU JP

ประเด็น Event สำคัญ วันนี้

US: สุนทรพจน์ Fed Richmond Barkin (Voter) จับตาสัญญาณดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่เหลือปีนี้ ทั้งนี้ ผลสำรวจ Fund Manager Survey ล่าสุดของ BOFA พบว่า 80% ของผลสำรวจ คาดเฟดปรับลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้ง ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดย 39% คาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยครั้งแรกในการประชุมเดือน ก.ย. 2024

TH: สภาฯ ประชุมสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณปี 2025 วันที่ 19-21 มิ.ย. วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท คาดมีมติรับหลักการในวาระแรก และเป็นโมเมนตัมบวกต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2025

FTSE Rebalance มีผลต่อราคาปิดวันนี้ คาดเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจากคาดมีเม็ดเงินเพิ่ม USD50mn (เพิ่ม SAWAD BGRIM CPF MINT เฉลี่ย USD10-20mn) ส่วนการถูกเข้าและออก ไม่มีใน FTSE Large/Mid /Small Cap แต่มีเพิ่มใน FTSE Micro Cap 2 บริษัท คือ SAFE TAN

 

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ: 

Global: รายงานภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือน มิ.ย. ของ Japan (Jibun Bank คาด 50.6/53.7 Vs เดือน พ.ค. 50.4/53.6) EU (HCOB คาด 47.9/53.5 Vs เดือน พ.ค. 47.3/53.2) US (S&P Global คาด 51.0/53.7 Vs เดือน พ.ค. 51.3/54.8) โดยจะเป็นบวกต่อเศรษฐกิจโลกและภาคการค้าระหว่างประเทศ หากตัวเลขออกมาดีกว่าคาดการณ์ ส่วนของสหรัฐฯ หากออกมาลดลงและแย่กว่าคาด จะเพิ่มโอกาสต่อเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยสูงขึ้นในเดือน ก.ย.

Japan: Inflation /Core Inflation Rate เดือน พ.ค. คาด 2.5% YoY/2.6% YoY (Vs เดือน เม.ย. 2.5% YoY/2.2% YoY) การปรับสูงขึ้นของ Core Inflation จะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่อาจส่งผลต่อ BOJ มีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือน ก.ค. สูงขึ้น สอดคล้องกับ UEDA ที่สัญญาณพร้อมดำเนินนโยบายเข้มงวด หากเงินเฟ้อสูงขึ้นกว่าคาด

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ หุ้นที่มีประเด็นข่าวเชิงบวก ได้แก่ KCE SAPPE ITC

 

Strategic daily picks

KCE    ปิด 43.50 บาท/แนวรับ 41.75 บาท แนวต้าน 46.50 บาท

สำหรับผลการดำเนินงานปี 2024 KTX คาด 1) กำไรปกติจะอยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท (+20% YoY) โดยได้แรงหนุนจากการขยายอัตรากำไรขั้นต้นและยอดขายที่ดีขึ้น 2) อัตรากำไรขั้นต้นที่ 22.2% (+1.4ppts YoY) จากการปรับปรุง product mix และการพยายามควบคุมต้นทุน และ 3) ยอดขายจะเติบโตเป็น 507 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (+7% YoY) หนุนจากสินค้าในกลุ่ม HDI PCB ทั้งนี้ Bloomberg Consensus ประเมินมูลค่าเหมาะสม 46.73 บาท

 

 

 

 

 

SAPPE     ปิด 97.50 บาท/แนวรับ 94.00 บาท แนวต้าน 102.00 บาท

เบื้องต้นคาด 2Q24E จะมีกำไรปกติ 397 ล้านบาท โต 21% YoY, 9% QoQ จากคาดยอดขาย 1.97 พันล้านบาท (+19% YoY, +7% QoQ) อัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มเป็น 46.2% จาก 44.5% ใน 2Q23 และ 46% ใน 1Q24 ขณะเดียวกัน KTX ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2024-26E เพิ่มจากเดิม 3-6% เป็น 1.35/1.65/1.92 พันล้านบาท เพื่อสะท้อนอัตรากำไรและค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อยอดขายที่มากกว่าคาดใน 1Q24 รวมทั้งกลยุทธ์การบริหารจัดการ และการอ่อนค่าของเงินบาทต่อเนื่องใน 2Q24 ทั้งนี้ Bloomberg Consensus ประเมินมูลค่าเหมาะสม 110.06 บาท

ITC    ปิด 23.00 บาท/แนวรับ 22.50 บาท แนวต้าน 23.70 บาท

บริษัทคงเป้าหมายรายได้ปี 2024 เติบโต 15% YoY และใน 2H24 จะเติบโตมากกว่า 1H24 โดยจะเน้นการทำตลาดในประเทศมากขึ้น และตลาดต่างประเทศเติบโต ตามเทรนด์การเลี้ยงสุนัขและแมว โดยล่าสุดเปิดตัวแบรนด์อาหารแมวสูตรพรีเมียม “Bellotta” และอาหารแมวและสุนัขสูตรเป็นมิตรต่อไต “ChangeTer” (คาดยอดขายปีแรกจะเติบโตกว่า 30%) ทั้งนี้ Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2024 ที่ 3.15 พันล้านบาท (+38.03% YoY) และมูลค่าเหมาะสม 25.30 บาท

 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง ภาคการผลิตและภาคบริการเดือน มิ.ย. เบื้องต้น ของ US EU JP