วิเคราะห์หุ้น : บล.กรุงศรี Banking Weak Core Operation

วิเคราะห์หุ้น : บล.กรุงศรี Banking Weak Core Operation

เราคาดธนาคารที่ศึกษารายงานกำไรสุทธิ 2Q24F ที่ 5.09 หมื่นลบ. กำไรลดลง -3% y-y และ -7% q-q เพราะ i) ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น ii) สินเชื่อรวมลดลง -0.6% q-q จากทุกกลุ่มสินเชื่อ iii) การลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมต่างๆ iv) การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX)

ด้านคุณภาพสินทรัพย์ NPL Ratio ที่ 3.68% เพิ่มจาก 1Q24 ที่ 3.61% จากความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ธนาคารที่รายงานกำไรสุทธิ 2Q24F เติบโต y-y และ q-q มีเพียงธนาคารเดียวคือ TTB สำหรับธนาคารรายงานกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น y-y ลดลง q-q คือ KBANK และ KTB ส่วนธนาคารรายงานกำไรสุทธิลดลง y-y และ q-q คือ BBL, SCB, KKP และ TISCO ภาพรวมกลุ่ม i) คาด NIM ลงตลอดปี 2024F ii) ปี 2024F กำไรสุทธิและ ROE คาดเติบโตช้าลง iii) มีความเสี่ยงเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ อย่างไรก็ตามกลุ่มธนาคารมีปันผลที่น่าสนใจ dividend yield ที่ 3-10% ต่อปี โดย 1H24F คาดจ่ายปันผล dividend yield ที่ 0.4-3.2% ดังนั้นคงน้ำหนักการลงทุนเป็น NEUTRAL และคง KTB และ TTB เป็น Top Pick

คงคำแนะนำกลุ่มธนาคารที่ NEUTRAL และคง KTB และ TTB เป็น Top Pick

เราคงน้ำหนักการลงทุนเป็น NEUTRAL สำหรับกลุ่มธนาคาร เพราะ i) คาด NIM ปรับลดลงต่อเนื่องตลอดปี 2024F ii) กำไรสุทธิปี 2024F คาดเติบโตช้าลงที่ +6% y-y จากปี 2023 ที่ +18% y-y และ ROE ปี 2024F คาดทรงตัวที่ 8.9% iii) ธนาคารมีความเสี่ยงเรื่องคุณภาพสินทรัพย์มากขึ้น จากความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เรามองว่ากลุ่มเปราะบางอย่างรายย่อย และ SME เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากสุด รวมถึงปัญหาการผิดนัดชำระหุ้นกู้ของบริษัท อย่างไรก็ตามกลุ่มธนาคารมีปันผลที่น่าสนใจ dividend yield คาดที่ 3-10% ต่อปี โดย 1H24F คาดจ่ายปันผล dividend yield ที่ 0.4-3.2% โดยเราชอบ KTB, TTB มากสุด ตามด้วย KBANK, BBL, SCB, TISCO และ KKP

 

 

คาดกำไรสุทธิกลุ่ม 2Q24F ลดลง -3% y-y และ -7% q-q

- เราคาดว่าวันที่ 12-19/07/2024 กลุ่มธนาคาร 7 แห่งที่เราศึกษารายงานกำไรสุทธิที่ 5.09 หมื่นลบ. กำไรลดลง -3% y-y และ -7% q-q เพราะ i) ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น จากการ repricing fixed deposit ii) สินเชื่อรวมลดลง -0.6% q-q กดดันจากทุกกลุ่มสินเชื่อ iii) การลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น Bancassurance รายได้ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน และเงินลงทุน เป็นต้น iv) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) เพิ่มขึ้น จากค่าใช้จ่ายทางด้านบุคคล และค่าใช้จ่ายทาง IT รวมถึง KKP มีรับรู้ผลขาดทุนรถยึดเพิ่มขึ้น

- ด้านคุณภาพสินทรัพย์ NPL Ratio อยู่ที่ 3.68% เพิ่มจาก 1Q24 ที่ 3.61% จากความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยเรายังคงมองว่าธนาคารมีความแข็งแกร่งด้านความเพียงพอการตั้งสารองต่อพอร์ต Coverage Ratio ที่ 179% ใกล้กับ 1Q24

- คาดธนาคารรายงานกำไรสุทธิ 2Q24F เติบโต y-y และ q-q มีเพียงธนาคารเดียวคือ TTB 5.42 พันลบ. (+19%y-y, +2% q-q) สำหรับธนาคารรายงานกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น y-y ลดลง q-q คือ KBANK 1.19 หมื่นลบ. (+8%y-y, -12% q-q) และ KTB 1.03 หมื่นลบ. (+1% y-y, -7% q-q) ส่วนธนาคารรายงานกำไรสุทธิลดลง y-y และ q-q คือ BBL 1.00 หมื่นลบ. (-12% y-y, -5% q-q), SCB 1.05 หมื่นลบ. ( -12% y-y, -7% q-q), KKP 1.10 พันลบ. (-22% y-y, -27%q-q) และ TISCO 1.64 พันลบ.( -12% y-y, -5% q-q)

แนวโน้มกำไรสุทธิ 2024F

ภาพรวมกำไรสุทธิในปี 2024F คาดที่ 2.07 แสนลบ. เติบโต +6% y-y จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ย (NII) และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) นอกจากนั้นค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) ลดลงจาก 2023 มีการตั้งค่าใช้จ่ายสำรองก้อนใหญ่ของ KBANK, KTB, SCB และ TTB

วิเคราะห์หุ้น : บล.กรุงศรี Banking Weak Core Operation

 

 

 

 

 

 

 

วิเคราะห์หุ้น : บล.กรุงศรี Banking Weak Core Operation วิเคราะห์หุ้น : บล.กรุงศรี Banking Weak Core Operation

วิเคราะห์หุ้น : บล.กรุงศรี Banking Weak Core Operation