วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ โมเมนตัมเก็งกำไรรายตัวเป็นบวก

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ โมเมนตัมเก็งกำไรรายตัวเป็นบวก

ปัจจัยต่างประเทศ จับตาแนวโน้มกำไรและการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ฯ บรรยากาศลงทุนโดยรวมจากภาพรวมทิศทางดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ที่มีโอกาสปรับลดลงในปีนี้ 1-2 ครั้ง

โดยติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจากการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่อคณะกรรมมาธิการธนาคาร (9 ก.ค.) และกรรมาธิการการเงิน (10 ก.ค.)  อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่จะกำหนดบรรยากาศลงทุนโดยภาพรวม จะมาจาก 1) แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลัง จากการให้ Forward guidance ของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ 2) การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (Dollar Index) ซึ่งจะยังเป็นปัจจัยขัดขวางเงินทุนที่จะไหลมายังเอเชียและตลาดเกิดใหม่ได้

เลือกเก็งกำไรในกลุ่มที่ประมาณการกำไรอยู่ในโมเมนตัมเชิงบวก ได้แก่ สื่อสาร, อาหาร, อิเล็กทรอนิกส์ และบรรจุภัณฑ์ โดยเรามีความเห็นเกี่ยวกับผลประกอบการบางกลุ่มดังนี้

กลุ่มธนาคาร - แม้แนวโน้มกำไรปี 2567 ยังเติบโตขึ้น แต่ส่วนใหญ่เริ่มมีแรงกดดันจากการปรับลดประมาณการกำไรลง โดยมีเพียง TTB ที่ยังมีโมเมนตัมของการปรับประมาณการกำไรขึ้น ที่น่าสนใจรองลงมาจะเป็น KBANK, KTB  

กลุ่มอาหาร – โมเมนตัมผลประกอบการยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะอาหารสำเร็จและอาหารสัตว์เลี้ยง (NSL, AAI, ITC) ซึ่งราคาปรับขึ้นมาสะท้อนพอสมควร ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตเนื้อสัตว์และอาหารแปรรูป (CPF, BTG, SORKON) ยังฟื้นตัวน้อยกว่า อีกทั้งราคาหุ้นซื้อขายค่อนข้างมีส่วนลด เทียบกับรายได้ (P/S) ทำให้เรามองมีโอกาสที่หุ้นจะเกิดการ re-rating ขึ้นได้ดี  

กลุ่มท่องเที่ยว - หลังจากราคาหุ้นมีแรงทำกำไรสะท้อนการเข้า Low season และการปรับลดประมาณการกำไรที่เกิดขึ้นกับหุ้นรายตัวไปแล้ว หุ้นเริ่มกลับเข้ามาสู่ความน่าสนใจจากการเข้าสู่ high season ครึ่งปีหลัง หุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ ERW, SPA, MINT
 

ภาพรวมกลยุทธ์ เลือกเก็งกำไรรายตัว อาจผันผวนจากการรายงานผลประกอบการ แต่คงมุมมองว่าช่วง ก.ค.-ส.ค. เรามอง SET เข้าสู่จุดซื้อที่ดีที่สุดในรอบ 12-18 เดือน ข้างหน้า และด้วย Valuation ของ SET ที่แข็งแกร่งในระดับ 1,300 จุด ประเมินความเสี่ยงของการลงอยู่ที่ระดับ 1,270-1,290 และมองการลงแรงถึงระดับ 1,100-1,200 จุด อยู่ในระดับต่ำ 

แนวรับ: 1,270-1,294 / แนวต้าน : 1,310 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

หุ้นแนะนำ  (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)

ADVANC* (218) : ผลประกอบการฟื้นตัวตามกำลังซื้อ และรายได้เกษตรกร และอยู่ในช่วงที่มี แนวโน้มถูกปรับประมณการกำไรขึ้น อีกทั้งหุ้นซื้อขายด้วย PER ในโซนต่ำในรอบ 3 ปี  ตัดขาดทุน 207 บาท 

CPALL* (62) : ผลประกอบการยังอยู่ในโมเมนตัมกำไรที่ดีขึ้น และได้แรงส่งทั้งจากการท่องเที่ยว และกำลังซื้อที่น่าจะดีขึ้นจากทั้งค่าแรงขั้นต่ำและดิจิทัลวอลเล็ต 54.75 บาท  

RATCH* (31) : ผลประกอบการเข้าสู่ high season และให้ผลตอบแทนปันผล 6% ขณะซื้อขายด้วย PER เพียง 11 เท่า ตัดขาดทุน 26.75 บาท 

SORKON* (6) : ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุด อัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวจากต้นทุนหมูที่ลดลง ตัดขาดทุน 4.38 บาท
 

ประเด็นที่น่าสนใจ

-    นายกฯ เตรียมแถลง วันลงทะเบียน “ดิจิทัลวอลเล็ต” 24 ก.ค. ก่อนเสนอเข้า ครม. เริ่มจ่ายเงิน Q4/67 
-    นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลังยันเดินหน้าโครงการ “หวยเกษียณ” เตรียมเสนอ ครม.สัปดาห์หน้า
-    กระทรวงแรงงาน จ่อปรับลด “เงินสมทบประกันสังคม” ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 เหลือ 3% จากเดิม 5% ทั้งฝั่งนายจ้างและลูกจ้าง
-    บมจ. เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี หรือ CHAO จะเริ่มซื้อขายใน SET วันที่ 9 ก.ค. นี้ ราคาไอพีโอ 11.80 บาท พีอี 20.86 เท่า
-    SJWD แตกไลน์ให้บริการรับ-ส่งผู้สูงอายุพบแพทย์พร้อมเซ็น MOU เชื่อมต่อแพลตฟอร์ม
-    “สมโภชน์ อาหุนัย” ชี้แจงกรณีขายหุ้น 14.69 ล้านหุ้น ที่ราคา 12.60 บาท เมื่อ 1 ก.ค. เป็นการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นภายใน ยืนยันกระบวนการ Forced Sell เสร็จสิ้นแล้ว
-    ราคาหุ้น TSMC พุ่งทำ All Time High ของปี 67 หลังโบรกเป้าราคาเป้าหมายขึ้น ก่อนการประกาศผลการดำเนินงาน 2Q67
-    5 อันดับแรกมูลค่าขายชอร์ตมากสุด by Value AOT-R, CPALL-R, DELTA-R, AOT, KTC-R
-    5 อันดับแรก มูลค่า Short Covering HANA-R, HANA, EA-R, EA, TOP-R
-    AP คงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 13.50 บาท

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

9 ก.ค. – Fed Chair Powell Testimony