วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จับตาตัวเลขเศรษฐกิจจีน และผลกำไรกลุ่มการเงินสหรัฐฯ
ทางเทคนิค คาด SET Index เคลื่อนไหว Sideways Down แนวรับ 1,325/1,319 จุด (EMA 25 วัน) แนวต้าน 1,335/1,342 จุด (EMA 75 วัน) ภาพระยะสั้น ดัชนีฯ อยู่ในทิศทางขาขึ้น (Cycle Up ต่อเนื่องจากระดับต่ำสุดที่ 1,286.79 จุด เมื่อวันที่ 2 ก.ค.)
และกำลังฟอร์มตัวรูปแบบขาขึ้น W-Shape (Double Bottom) โดยมีแนวต้านต่อไปที่ 1,346/1,357 จุด อย่างไรก็ดี สัญญาณดังกล่าวอาจเปลี่ยนเป็นขาลงรูปแบบ M-Shape (Double Top) ได้เช่นกัน หากดัชนีฯ 1-2 วันนี้กลับมาปรับตัวลดลง และหลุดแนวรับสำคัญ 1,319 จุด (EMA 25 วัน) แนะนำ ทยอยขายทำกำไร เพื่อรอซื้อคืนเมื่อมีสัญญาณขาขึ้นรอบใหม่ชัดเจน
ประเด็น Event สำคัญวันนี้
- US: 2Q24E Earnings Results จับตา รายงานผลกำไร Goldman Sachs คาด EPS USD8.066 Vs Previous USD3.08; BalckRock คาด EPS USD9.96 Vs Previous USD9.28
- US: การประชุมใหญ่พรรครีพับลิกัน เพื่อเสนอตัวแทนชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 15-18 ก.ค. ที่รัฐ Milwaukee คาดทรัมป์ จะได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคอย่างเป็นทางการ
- US ประธานเฟด Powell ให้สัมภาษณ์โดย David Rubinstein ที่ The Economic Club of Washington และสุนทรพจน์ Fed สาขาซานฟรานซิสโก Mary Daly (Voter)
- CH: การประชุมคณะกรรมการกลางแห่งพรรคคอมมิวนิสต์ (Third Plenum) วันที่ 15-18 ก.ค. คาดมีแผนปฏิรูปนโยบายเชิงลึก โดยเฉพาะภาคเศรษฐกิจที่เจาะจงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นการบริโภค การแก้ไขปัญหาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อช่วยหนุนเศรษฐกิจเติบโตได้สูงตามเป้าหมาย
- TH: ประชุมคณะกรรมการ Digital Wallet ชุดใหญ่ คาดมีรายละเอียดเพิ่มเติม ก่อนเข้าสู่การพิจารณาครม. ในสัปดาห์ต่อไป
- EA: ก.ล.ต. กล่าวโทษบุคคลรวม 3 ราย คือ นายสมโภชน์ อาหุนัย และนายอมร ทรัพย์ทวีกุล ซึ่งเป็นกรรมการและผู้บริหารบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จากัด (มหาชน) (EA) รวมทั้งนายพรเลิศ เตชะรัตโนภาส ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีร่วมกระทำการทุจริต เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควร ได้แก่ ตนเอง และ/หรือผู้อื่น ทำให้ EA และบริษัทย่อยเสียหาย โดยบริษัทฯ เตรียมนัดแถลงข้อมูลต่อสื่อมวลชนเช้าวันนี้
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ
- EU: รายงาน Industrial Production เดือน พ.ค. โดย Consensus คาด –4% YoY (Vs เดือน เม.ย. -3% YoY) สะท้อนความเสี่ยงเชิงลบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ 2Q24E GDP Growth
- CH: รายงานตัวเลขเศรษฐกิจเดือน มิ.ย. คาดปรับตัวลดลง YoY นาโดย Retail Sales คาด +3.4% YoY (Vs เดือน พ.ค. +3.7% YoY) Industrial Production คาด +5.0% YoY (Vs เดือน พ.ค. +5.6% YoY) Fixed Asset Investment (YTD) คาด +3.9%YoY (Vs เดือน พ.ค. +4%) House Price Index คาด -4.1% YoY (Vs เดือน พ.ค. -3.8% YoY) Unemployment Rate คาด 5.1% (Vs เดือน พ.ค. 5.0%) ส่วน 2Q24E GDP Growth คาดเติบโตลดลงเป็น +1.1% QoQ, +5.1% YoY (Vs 1Q24 GDP +1.6% QoQ, +5.3% YoY) ขณะที่ 3Q-4Q24E GDP Growth คาดเติบโต 5% YoY และ 4.8% YoY ตามลำดับ ทั้งนี้ รายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง ส่งผลต่อทางการอาจมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเร็ว ๆ นี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและทำให้อัตราการเติบโตปีนี้เป็นไปตามเป้าหมาย 5% YoY โดยตลาดฯ คาดว่า PBOC จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1-YR MLF ลงเป็น 2.4% (ปัจจุบันอยู่ที่ 2.5%)
Weekly Strategy: มุมมองต่อ SET Index
แม้จะมีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกที่ต้องระมัดระวัง ในกรณีที่ ECB ตัดสินใจลดดอกเบี้ยลง สวนทางคาดการณ์การคงดอกเบี้ยของ Consensus หรือ ส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายด้วยโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยที่มีความต่อเนื่อง ซึ่งจะกดดันให้สกุลเงินยูโร อ่อนค่า(สัดส่วน 30% ของตะกร้า Dollar Index) และผลักดันให้สกุลเงิน USD เข้าสู่ช่วงของการรีบาวนด์เป็นขาขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบกดดันให้เกิดความเสี่ยงกระแสเงินทุนต่างชาติไหลออกจากไทยได้ (Fund Outflow) อย่างไรก็ตาม ด้วยปัจจัยภายในประเทศของไทยเองที่เริ่มมีความแข็งแกร่งมากขึ้น จากการปรับประมาณการ SET 12M FWD EPS สูงขึ้นต่อเนื่อง +0.4% WoW มาที่ 97.4 บาท/หุ้น ทำจุดสูงสุดต่อเนื่องในรอบ 5 เดือน
ส่งผลให้ EPS Growth ฟื้นตัวต่อเนื่องจากจุดต่ำสุดที่ -11.2% YoY ในช่วง 4Q23 ขึ้นมาที่ -1.1% YoY ในปัจจุบัน (Figure 6) หนุนดัชนี SET ฟื้นตัวขึ้นมาถึง +2.2% WoW มาที่ 1,323 จุด ทำให้ MRP เริ่มลดระดับลง -8 bps มาที่ 4.73% เข้าสู่กรอบปกติ (+/-2 S.D. ที่ MRP 4.79% และ 4.10% ตามลาดับ) (Figure 2) สะท้อนว่าตลาดเริ่มผ่อนคลายความกังวลต่อแนวโน้มระยะสั้นแล้ว (การเมืองและปัจจัยเฉพาะตัวของหุ้นเล็ก) ซึ่งเป็นปัจจัยบวกสำคัญที่จะเข้ามาจำกัดการไหลออกของกระแสเงินทุนต่างชาติได้
กลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้
แนะนำ “ซื้อ” ธีม bottom-out หุ้นใน 7 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ EPS ถูกปรับขึ้น (Upward Earnings Revision) สวนทางราคาหุ้นที่ยังได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงระยะสั้น ทำให้ MRP อยู่ในระดับสูง
กลยุทธ์ลงทุน แนะนำหุ้นที่มีประเด็นบวก ได้แก่ BEM CPALL BDMS
Strategic daily picks
BEM ปิด 7.80 บาท/แนวรับ 7.30 บาท แนวต้าน 8.20 บาท
ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. 2024-2 ก.ค. 2026 BEM จะจัดเก็บค่าโดยสารอัตราใหม่ (17-45 บาท) สำหรับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (สายเฉลิมรัชมงคล) ซึ่งเป็นไปตามสัญญาณสัมปทาน นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทมีความพร้อมที่จะเข้าลงทุนงานโยธาโครงการทางด่วนขั้นที่ 2 (Double Deck) ช่วงงามวงศ์วาน-พระราม 9 วงเงิน 3.6 หมื่นล้านบาท โดยยังอยู่ระหว่างเจรจาเงื่อนไขต่าง ๆ ทั้งนี้ Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิใน 2Q24 ที่ 939 ล้านบาท (+4.25% YoY) และมูลค่าเหมาะสมที่ 10.58 บาท
CPALL ปิด 57.25 บาท/แนวรับ 56.00 บาท แนวต้าน 59.00 บาท
KTX ประมาณการรายได้รวมของ CPALL จากคาดการณ์ยอดขายธุรกิจร้านสะดวกซื้อโดยเฉลี่ย 6% ต่อปี ธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกที่คาดโตเฉลี่ย 3.4% และ 3.7% ต่อปี ตามลำดับ และแนวโน้มรายได้ค่าเช่าและบริการคาดเพิ่ม 3.9% ต่อปี ทำให้ KTX คาด CPALL จะมีรายได้รวมเพิ่มเฉลี่ย 4.8% ต่อปี เป็น 938/983 พันล้านบาท ในปี 2024-25 ตามลำดับ โดย KTX ประเมินมูลค่าเหมาะสม 60.94 บาท ด้วยอัตราผลตอบแทนคาดหวัง 4.23%
BDMS ปิด 26.00 บาท/แนวรับ 25.00 บาท แนวต้าน 28.25 บาท
แนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q24 น่าจะเติบโต YoY เนื่องจากผู้ป่วยคนไทยและต่างชาติเข้าใช้บริการทางการแพทย์ ทั้ง OPD และ IPD แต่จะลดลง QoQ เนื่องจากปกติเป็นช่วง low season ส่วนใน 2H24 น่าจะดีกว่า 1H24 เนื่องจากเข้าสู่ช่วง high season ขณะเดียวกันบริษัทคาดผลการดำเนินงานทั้งปี 2024 จะมีรายได้จากการบริการทางการแพทย์โต 10-12% จากปีก่อน ทั้งนี้ Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิใน 2Q24 ที่ 3.55 พันล้านบาท (+15.92% YoY) และมูลค่าเหมาะสม 34.88 บาท