วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ลุ้น Rebound
วันอังคารที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหว Sideway Down โดยมีแรงหนุนจากนักลงทุนคาดเฟดลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้งในปีนี้ หลังประธานเฟดย้ำเฟดไม่รอให้เงินเฟ้อลงถึง 2% ก่อนหั่นดอกเบี้ย มีแรงซื้อมากในหุ้น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์
ขณะที่ตลาดได้รับ Sentiment เชิงลบจากผู้บริหาร EA โดนกล่าวโทษ บวกกับเศรษฐกิจจีนขยายตัวต่ำกว่าคาด ทำให้นักลงทุนมีความกังวลต่ออุปสงค์น้ำมัน มีแรงขายมากในหุ้นกลุ่มพลังงาน ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,321.31 จุด -6.12 จุด -0.46% มูลค่าการซื้อขาย 36,028.80 ลบ. Program Trading -507.36 ลบ. ต่างชาติ -68.15 ลบ. TFEX -1,299 สัญญา ตราสารหนี้ -1,495.43 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 742.76 จุด หรือ +1.85% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าการที่เฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัด เงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมานั้น ไม่ได้ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญ ภาวะถดถอย
+ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกในเดือนมิ.ย. ทรงตัว เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.3%MoM หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 0.3%MoM ในเดือนพ.ค.
+ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) คาดว่าเศรษฐกิจโลก +3.2% ในปีนี้ ไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนเม.ย. แต่ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจไทยทั้งในปี 2567 และ 2568 เป็น +2.9% จากเดิม +2.7% และคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 +3.1% จากเดิม +2.9%
+ ททท.กางแผนการตลาดปี 68 ช่วยดันรายได้เติบโต 7.5% สูงกว่าการเติบโตของ GDP ปี 68 ถึง 1.7 เท่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยกลับไป อยู่จุดสูงสุดอีกครั้ง โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 39 ล้านคน
+ ครม. มีมติเห็นชอบมาตรการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) วงเงิน 100,000 ล้านบาทผ่านธนาคารออมสินเพื่อกระจายสินเชื่อ จากธนาคารออมสินและปล่อยกู้ไปให้กับสถาบันการเงินต่างๆ ในอัตราดอกเบี้ย 0.01% เป็นระยะเวลา 2 ปี
+ ครม.เห็นชอบ BEM ร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วง บางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) 140,000 ล้านบาท หลังศาลปกครองสูงสุดตัดสินกระบวนการคัดเลือกทำถูกต้อง
+/- ก.คลังเร่งกำหนดเกณฑ์ใหม่กองทุนThai ESG ก.ย.นี้
ปัจจัยลบ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.15 ดอลลาร์ หรือ -1.4% ปิดที่ 80.76 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการชะลอตัว ของเศรษฐกิจจีนจะส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันอ่อนแอลงด้วย อย่างไรก็ดี ความหวังที่ว่า FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. ช่วยให้สัญญาน้ำมันดิบลดช่วงลบ
- ยูบีเอส กรุ๊ป (UBS Group) เปิดเผยผลการวิจัยใหม่ ระบุว่า การกำหนดภาษีศุลกากรใหม่ 60% สำหรับสินค้าส่งออกของจีนทั้งหมดไปยังสหรัฐ จะทำให้อัตราการเติบโตต่อปีของเศรษฐกิจจีนลดลงเกินครึ่ง ซึ่งตอกย้ำความเสี่ยงที่จีนต้องเผชิญ หากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้ง
- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่น ทางเศรษฐกิจของเยอรมนีปรับตัวลงสู่ระดับ 41.8 ในเดือนก.ค. จากระดับ 47.5 ในเดือนมิ.ย. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ที่ระดับ 42.5
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาส Rebound ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงหนุนจากอัตราผลแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวลงแรง หนุนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่อ่อนตัวลง กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,315-1,330 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้น ESG Rating เด่น (AAA) : ADVANC BANPU CPF PTTGC SCC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการลงทุน DATA CENTER และ CLOUD SERVICE : GULF ADVANC TRUE INSET ITEL
• หุ้นเด่น IAA : ADVANC AOT CPALL MINT TU
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Bond Yield อ่อนตัว : SAWAD MTC TIDLOR BGRIM GPSC GULF
หุ้นรายงานพิเศษ
ADVANC (Bloomberg Consensus 260.00 บาท)
ชนะคดีข้อพิพาท NT
•ADVANC เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 67 บริษัทได้รับทราบคำสั่งของ ศาลปกครองสูงสุดที่ยกอุทธรณ์ของ NTเป็นเหตุให้คดีถึงที่สุดและบริษัท ไม่ต้องชำระเงินผลประโยชน์ตอบแทนเพิ่มเติมตามที่ NT เรียกร้อง ตามที่ บมจ. โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) ( TOT เดิม) ได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2561 เรียกร้องให้ ADVANC ชำระเงินผลประโยชน์ตอบแทนเพิ่มเติมจากการให้บริการ เครือข่ายร่วม (Roaming) ตามข้อตกลงต่อท้ายสัญญาอนุญาตให้ดำเนินกิจการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ครั้งที่ 7 ในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม 2556 ถึงเดือนกันยายน 2558 เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 16,252 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ 1.25 ต่อเดือน
•ความเห็น : เนื่องจาก ADVANC ไม่ได้มีการตั้งสำรองในส่วนนี้ไว้ จึงไม่กระทบต่องบการเงินของบริษัท อย่างไรก็ตามเรามุมมองบวกต่อประเด็นดังกล่าว เนื่องจากจะช่วยปลดล็อก Overhang ของบริษัท ขณะที่ Bloomberg Consensus แนวโน้มผลประกอบการ 2Q67 ไว้ที่ 8,257 ล้านบาท ชะลอตัวลง -2%QoQ จากปัจจัยฤดูกาล แต่ยัง +15%YoY จากรายได้บริการหลักที่สูงขึ้นทั้งธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจบรอดแบนด์ แนะนำ “ซื้อ”
หุ้นมีข่าว
(+) GULF-INTUCH (Bloomberg consensus 56.00 , 83.20 บาท) ประกาศควบรวมกิจการพร้อมตั้งโต๊ะเทนเดอร์ ADVANC-THCOM คาดเสร็จสิ้น Q2/68
1) การควบบริษัทระหว่าง GULF และ INTUCH และจัดตั้งเป็นบริษัทใหม่ (NewCo) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- 1 หุ้น GULF ต่อ 1.02974 หุ้นใน NewCo
- 1 หุ้น INTUCH ต่อ 1.69335 หุ้นใน NewCo (ไม่รวมหุ้น 47.37% ใน INTUCH ที่ถือโดย GULF เนื่องจากได้รับการจัดสรรโดยตรงให้แก่ผู้ถือหุ้น GULF) นอกจากนี้ INTUCH จะจ่ายปันผล 4.5 บาท/หุ้น
2) การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดโดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไข (Conditional Voluntary Tender Offer หรือ VTO) ในหุ้นสามัญของ บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ที่ราคา 216.3 บาท/หุ้น
3) การทำ VTO ในหุ้นสามัญของบมจ. ไทยคม (THCOM) ที่ราคา 11 บาท/หุ้น
สรุป GULF-INTUCH จะควบรวมกลายเป็นบริษัทใหม่ ส่วน ADVANC และ THCOM จะไม่มีการเพิกถอนจากการจดทะเบียน
(+) SAV (Bloomberg Consensus 24.80 บาท) รับอานิสงส์กัมพูชาเปิดให้บริการ 2 สนามบินใหม่ เตรียมเจรจาปรับขึ้นค่า ANSP กับรัฐบาลกัมพูชา ขณะที่ปริมาณผู้โดยสาร-เที่ยวบินกลับไปเท่าปี 2562 ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาเข้าบริหารจัดการ ANSP ในสปป.ลาว เล็งแตกไลน์ธุรกิจใหม่ต่อยอด (ที่มา ทันหุ้น)
(+) TGE (Bloomberg Consensus - บาท) คาดเซ็นสัญญาไฟฟ้าขยะชุมชนท่าจีน และอุบลราชธานี ได้ช่วงไตรมาส 3 รอ TOR ปราจีนบุรี ชี้ 7 โรงไฟฟ้าขยะชุมชน ช่วยดันรายได้พุ่ง แย้มพันธมิตรต่างชาติสนร่วมโครงการ เดินหน้าศึกษาโรงไฟฟ้าใหม่ต่อเนื่อง ส่วนรายได้ปีนี้เพิ่มขึ้นจาก 3 โรงไฟฟ้าเดิม และการรับรู้โรงไฟฟ้าที่ได้เข้าอีก 2 โรง มีลุ้นค่า Ft ขึ้นหนุนรายได้ขายไฟฟ้าเพิ่ม ล่าสุดลงเสาเข็มก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะชุมชนเฟส 1 จำนวน 4 โครงการแล้ว (ที่มา ทันหุ้น)
(+) ITEL (Bloomberg Consensus 3.80 บาท) มั่นใจศักยภาพครึ่งปี 2567 ฟอร์มดี หนุนจากภาครัฐดันการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 คาดส่งผลดีต่อการเข้าประมูลงานด้าน IT ลุยเดินหน้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง ชี้โอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ตอกย้ำตั้งเป้ารายได้ปีนี้แตะ 3,500 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)