วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ BEM ประมาณการ 2Q67F: เงินปันผลรับช่วยหนุนกำไร
ผู้โดยสารเฉลี่ยรายวัน (รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน) และรายได้จากการจำหน่ายบัตรโดยสารรถไฟฟ้าเติบโต 12% และ 13.5% YoY ตามลำดับใน 2Q67
ในขณะที่ ปริมาณรถเฉลี่ยต่อวันและรายได้ค่าผ่านทางด่วนทรงตัว ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของธุรกิจทางพิเศษและธุรกิจระบบราง ทำจุดต่ำสุดในเดือนเมษายน 2567 จากช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ก่อนที่กำลังฟื้นตัวหลังจากนั้น (Figures 2-3)
กำไร 2Q67F น่าจะโตทั้ง YoY และ QoQ และคาดกำไร 3Q67F จะยังแข็งแกร่งต่ออีก
เราประเมินรายได้จากธุรกิจทางพิเศษและธุรกิจระบบรางใน 2Q67F ที่ 3.8 พันลบ. (+5.5% YoY แต่ -4%
QoQ) ส่วนรายได้จากธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์น่าจะคงที่อยู่ราว 300 ลบ. (+8% YoY และ +14% YoY) ใน
แง่ อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) น่าจะลดลง QoQ เพราะเป็นช่วง low season มองมุมบวก รายได้จากเงินปัน
ผลราว 337 ลบ.จากการลงทุนใน Thai Tap Water (TTW.BK/TTW TB) และ CK Power (CKP.BK/CKP
TB)* น่าจะช่วยดันกำไรสุทธิอยู่ที่ 960 ลบ. (+7% YoY และ +13% QoQ) (Figure 1) อย่างไรก็ดี กำไรน่าจะ
ยังแข็งแกร่งต่อใน 3Q67F ด้วยเงินปันผลรับจาก TTW อีกทั้งเป็นช่วง high season นอกจากนี้ การขึ้นราคา
ตั๋วโดยสารเดินทางรถไฟฟ้า MRT อีก 1-2 บาท/สถานี เริ่มเดือน ก.ค. 67 จะช่วยดันรายได้จากการจำหน่าย
บัตรโดยสารรถไฟฟ้าในครึ่งหลังของปีนี้
การรอคอยยาวนานของรถไฟฟ้าสายสีส้ม กำลังจะเดินหน้าได้แล้วจากนี้ไป
การเซ็นสัญญาว่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีส้มมูลค่าสูงราว 1.2-1.3 แสนลบ. น่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 18 ก.ค. 67
การเดินรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์สายสีส้มตะวันออกซึ่งงานก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ไปแล้วคาดจะเริ่มในปลายปี 2570 ส่วนงานโยธาฝั่งตะวันตกน่าจะเริ่มได้ภายในปีนี้และคาดเสร็จใน 2H73 ในช่วงการก่อสร้างจาก 2H67 ถึง 2H73 BEM มีความจำเป็นลงทุนในโครงการดังกล่าวทั้งหมดไปก่อน หลังจากนั้นBEM ก็สามารถขอเงินคืนในส่วนของงานโยธาจากรัฐบาลมูลค่าราว 1 แสนลบ.เป็นเฟส ๆ ไปในอีก 6 ปี ขณะที่ BEM ต้องลงทุนเรื่องการเดินรถไฟฟ้าสายสีส้มรวมทั้งขบวนรถไฟฟ้า มูลค่ารวมราว 3.0 หมื่นลบ. ทั้งนี้ net gearing ปัจจุบันที่ 1.6x เพียงพอที่จะระดมทุนเพื่อการลงทุนดังกล่าวได้ไม่ยากนัก แต่อย่างไรก็ตามกระแสเงินสดจ่ายรายปีระยะกลางอาจค่อนข้างสูง
Valuation & Action
เราคงคำแนะนำซื้อและปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย SOTP ขึ้นใหม่ที่ 11.20 บาท โดย 9.00 บาทมาจากธุรกิจ
หลัก (ใช้ WACC ที่ 5.8% และ terminal growth ที่ 1%) อีก 0.80 บาทจากการลงทุนใน TTW/CKP และ
1.40 บาทจากรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนโครงการต่อไปน่าจะได้รับการอนุมัติภายในปลายปี 2567 คือ โครงการทางด่วนยกระดับมูลค่า 3.4 หมื่นลบ.เพื่อเพิ่ม capacity และขยายสัมปทานทางด่วน
Risks
ความรวดเร็วในอัตราการเติบโตของ GDP ความล่าช้าจากการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีและการเริ่มดำเนินการโครงการใหม่ ๆ การแก้ไขสัญญาต่าง ๆ การปรับเปลี่ยนฎระเบียบต่าง ๆ ความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในไทย