วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ออกข้าง

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ออกข้าง

วันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบ ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ มีแรงขายมากในหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า นำโดย GPSC และ BGRIM จากความกังวลภาครัฐตรึงค่าไฟงวดใหม่ และแรงขายมากในหุ้นกลุ่มธนาคาร นำโดย BBL จากความกังวลการตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้น

ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,317.14 จุด -7.62 จุด -0.58% มูลค่าการซื้อขาย 37,796.7 ลบ. (ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี -4.9 จุด หรือ -0.37%) Program Trading +330.9 ลบ. ต่างชาติ +278.3 ลบ. TFEX -21,071 สัญญา ตราสารหนี้ -2,624.5 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 127.91 จุด หรือ +0.32% ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง
+ การประชุมใหญ่ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 20 ครั้งที่ 3 (Third Plenum) มีมติเดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจในเชิงลึกอย่างครอบคลุม เพื่อผลักดันให้จีนมีความทันสมัยมากขึ้น
+/- ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ประกาศถอนตัวจากการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.67 และประกาศสนับสนุนนางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ ให้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ แข่งกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน
+ ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ย reverse repos ประเภท 7 วัน ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายระยะสั้น (short-term policy rate) ลงสู่ระดับ 1.7% จากระดับ 1.8% โดยมีเป้าหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจจีนที่กำลังชะลอตัวลงในขณะนี้

ปัจจัยลบ

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 35 เซนต์ หรือ -0.44% ปิดที่ 79.78 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสต็อกน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอลง
- ธนาคารกลางสหรัฐ สาขาชิคาโกเปิดเผยดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศ หรือ Chicago Fed National Activity Index (CFNAI) ปรับตัวลงสู่ระดับ +0.05 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ +0.23 ในเดือนพ.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ในผลสำรวจ ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ -0.09
 

- นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือพบปะกับคณะผู้แทนทหารของรัสเซียที่เดินทางเยือนกรุงเปียงยางเพื่อแสดงถึงความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นขณะที่ ความตึงเครียดระหว่าง เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้เพิ่มสูงขึ้นบริเวณพื้นที่ชายแดน
- รัสเซียประกาศคำสั่งปรับเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงไวน์ เบียร์ ลูกอม บิสกิต และแชมพู ที่ผลิตในประเทศ ที่สนับสนุนการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย
- สหรัฐกำลังเตรียมกำหนดมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่กับ องค์กรของจีนที่สนับสนุนการทำสงครามของรัสเซียในยูเครน และบ่งชี้ว่า ธนาคารต่าง ๆ อาจเป็นเป้าหมายของการคว่ำบาตรดังกล่าว

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยมีแรงหนุนจากธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ย โดยมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจจีน ขณะที่นักลงทุนยังจับตาการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยออกมา คาดกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,310-1,325 จุด

กลยุทธ์การลงทุน   

• หุ้น ESG Rating เด่น (AAA) : ADVANC BANPU CPF PTTGC SCC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการลงทุน DATA CENTER และ CLOUD SERVICE : GULF ADVANC TRUE INSET ITEL
• หุ้นเด่น IAA : ADVANC AOT CPALL MINT TU
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Bond Yield อ่อนตัว : SAWAD MTC TIDLOR BGRIM GPSC GULF
• หุ้นได้ประโยชน์จากนโยบาย Digital Wallet ได้แก่ CPALL BJC CRC DOHOME GLOBAL HMPRO

 

 

 

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

TRP (ซื้อ ราคาเหมาะสม 17.00 บาท)
คาดกำไร 2Q67 ทรงตัว QoQ และ YoY

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ออกข้าง

คาดรายงานกำไร 2Q67 ที่ 41-43 ลบ. ทรงตัว QoQ และ YoY และคาดว่ารายได้ จะทรงตัว QoQ แต่ลดลง YoY ที่ 140-150 ลบ. เนื่องจากกลุ่มลูกค้าเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นแทนการทำศัลยกรรม ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะทรงตัว ที่ระดับ 46.3-46.5% จากอัตราการใช้ห้องผ่าตัดที่ทรงตัวใกล้เคียงไตรมาสก่อน นอกจากนี้บริษัทบริหารค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ทรงตัวใกล้เคียงไตรมาสก่อน

การก่อสร้างโรงพยาบาลใหม่ของ ธีรพร คลินิก ซึ่งจะมีพื้นที่ใช้สอย 9,918 ตารางเมตร และใหญ่กว่าที่ปัจจุบัน 5 เท่าคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จล่าช้ากว่าแผนจาก 4Q67 เป็น 1Q68 โดยหลังแล้วเสร็จจะย้าย ธีรพร คลินิก จากถนนคลอนสาน มาที่โรงพยาบาลใหม่ทั้งหมด อย่างไรก็ตามทาง ผู้บริหารยังอยู่ระหว่างพิจารรณาว่า ที่คลินิกคลองสานจะดำเนินธุรกิจต่อหรือคืนพื้นที่เช่าเพื่อลดค่าใช้จ่ายลง

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเหมาะสม 17.00 บาท ฝ่ายวิจัยประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี Prospective PER โดยใช้ค่าเฉลี่ย PE Ratio ย้อนหลัง 2 ปีของหุ้นที่ ดำเนินธุรกิจคล้ายคลึงกัน อาทิ KLINIQ และ MASTER ได้ค่าเฉลี่ย 28 เท่า ทั้งนี้ เราคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 2567 ราว 0.60 บาทต่อหุ้น คำนวณเป็นราคาเหมาะสม ปี 2567 อยู่ที่ราว 17.00 บาทซึ่งมี upside อีกราว 40%

หุ้นมีข่าว

(+) BCH (Bloomberg Consensus 24.00 บาท) ลุยธุรกิจศัลยกรรม จับมือ KCCS สมาคมแพทย์ศัลยกรรมความงามเกาหลี ยกระดับศัลยกรรมไทยตั้งเป้ารายได้เติบโต 300% ปี 2567 หรือแตะ 200 ล้านบาท จากปีก่อนที่ 70 ล้านบาท ลงทุน 200 ล้านบาท เปิดศูนย์เพิ่ม 5 แห่ง ภายในปี 2568 ครึ่งปีหลังไฮซีซันธุรกิจโรงพยาบาล งบดีต่อเนื่อง เดินหน้าขยายโรงพยาบาลตามแผน 20 แห่ง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BAM (Bloomberg Consensus 8.90 บาท) มั่นใจผลเรียกเก็บช่วงครึ่งปีแรกโตต่อ หนุนจากยอดขายทรัพย์ NPA ขนาดใหญ่ แถมครึ่งปีหลังเข้าไฮซีซัน ควบคู่ปรับกลยุทธ์ เอื้อให้ลูกค้ารายย่อยสามารถผ่อนชำระตรงกับบริษัท กระตุ้นยอดขายทรัพย์ขนาดเล็ก พร้อมจัดแคมเปญกระตุ้นการตัดสินใจซื้อต่อเนื่อง เล็งซื้อทรัพย์เข้าพอร์ต JV ภายในไตรมาส 3/2567 นี้ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) JPARK (Bloomberg Consensus 7.35 บาท) เดินหน้าเพิ่มช่องจอดครบ 4 หมื่นช่อง จากปัจจุบัน 3.2 หมื่นช่อง ชี้ดีมานด์ช่องจอดย่านโรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้าบูม เล็งจรดปากกา เซ็นสัญญารับงานใหม่เพิ่มครึ่งปีหลัง ด้านบอสใหญ่ "สันติพล เจนวัฒนไพศาล" แย้มทดสอบระบบ "Prompt Park" มั่นใจเริ่มใช้ต้นปี 2568 เจาะฐานรายย่อย (ที่มา ทันหุ้น)

(+) PJW (Bloomberg Consensus - บาท) บอสใหญ่ "วิวรรธน์ เหมมณฑารพ" กางแผนครึ่งปีหลังเล็งนำผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ออกสู่ตลาด ด้านธุรกิจดาวเด่น Master Laundry ปีนี้มั่นใจสร้างรายได้โต 360-400 ล้านบาท ส่วนธุรกิจยานยนต์และบรรจุภัณฑ์ ยังมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เติมแบ็กล็อกรับรู้ยาวถึงปี 2568 (ที่มา ทันหุ้น)