วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เงินเข้าพักในสินทรัพย์ปลอดภัยและหุ้นจากดอกเบี้ยขาลง

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เงินเข้าพักในสินทรัพย์ปลอดภัยและหุ้นจากดอกเบี้ยขาลง

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังเคลื่อนไหวในทิศทางพักฐาน ตลาดหุ้นสหรัฐ ปรับขึ้นในช่วงแรกหลัง สหรัฐฯ รายงาน GDP ไตรมาส 2/67 ที่ +2.8% (สูงกว่าคาดการณ์ที่ +2.1% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/67 ที่ระดับ +1.4%)

และการใช้จ่ายส่วนบุคคลที่ +2.3% (สูงกว่าคาดการณ์ที่ +2.0% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/67 ที่ระดับ +1.5%) อย่างไรก็ตามตลาดยังเคลื่อนไหวในลักษณะปรับฐานและปรับตัวลดลง เราประเมินความผันผวนในภาพรวมการลงทุนระยะสั้นมาจาก 1) ความไม่แน่นอนเชิงนโยบานที่มาจากการเลือกตั้งประธานาธิปดีสหรัฐฯ 2) การขายสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ เพื่อคืนเงินกู้ยืมสกุลเงินเยน (unwind yen carry trade) 3) การเติบโตที่ชะลอตัวลง และความไม่แน่นอนของผลประกอบการบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่มาจากปัจจัยต่างๆ ล่าสุด OpenAI ผู้พัฒนา ChatGPT อยู่ระหว่างทดสอบฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า SearchGPT ที่มีโอกาสเป็นคู่แข่งโดยตรงกับธุรกิจค้นหาข้อมูลของ GOOG

เงินมีโอกาสเข้าพักในสินทรัพย์ปลอดภัยและหุ้นได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง แม้การลดดอกเบี้ยของเฟดเป็นปัจจัยบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง แต่ความไม่แน่นอนของนโยบายการเมืองสหรัฐฯ และความกังวลการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและจีน ที่อาจกระทบต่อผลประกอบการ ทำให้เงินมีโอกาสหมุนเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างตราสารหนี้ และหุ้นที่ให้ผลตอบแทนคล้ายพันธบัตร อาทิ สื่อสาร, ไฟฟ้า กองรีทส์ ช่วงสั้นมีแนวโน้มเป็นกลุ่มพักเงินที่ดี โดยหุ้นที่เราชอบ ได้แก่ ADVANC, INTUCH, RATCH, EGCO, 3BBIF, DIF, WHART, CPNREIT เป็นต้น โดยอาจทยอยสะสมกลุ่มอาหารและค้าปลีก ที่มีผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัว ซึ่ง ณ ราคาปัจจุบัน หุ้นที่เราชอบ ได้แก่ BTG, GFPT, SORKON, CPALL, CPAXT, TNP 


 

กลุ่มค้าปลีกแนวโน้มผลประกอบการแข็งแกร่ง และมีโอกาสได้รับแรงส่งจากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต คาดกำไรไตรมาส 2/67 ของกลุ่มค้าปลีก +19.1% YoY โดยแรงส่งยอดขายสาขาเดิม (Same Store Sales) ยังเป็นบวกในธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (7-11) , ค้าส่ง (Makro) และไฮเปอร์มาร์เก็ต (Lotus) คาดเห็นการเติบโตของกำไรเทียบกับปีก่อนหน้าในหุ้น CPALL, CPAXT / กำไรทรงตัว BJC, HMPRO / กำไรชะลอตัว COM7 // แนวโน้มครึ่งปีหลังดีขึ้นจากฐานที่ต่ำในปีก่อน และแรงส่งจากมาตรการภาครัฐ ทั้งค่าแรงขั้นต่ำและดิจิทัลวอลเล็ต โดยแนวโน้มการเติบโตของกำไรทั้งปี 2567 รายหุ้นคาด CPALL (+29%), COM7 (+4.3%), HMPRO (+2.7%), BJC (-13%) เรายังคงน้ำหนักการลงทุน มากกว่าตลาด (Overweight) สำหรับกลุ่มค้าปลีก โดยมีหุ้นเด่น (Top pick) คือ CPALL 

ภาพรวมกลยุทธ์ เผื่อใจกับความเสี่ยงทางลงระยะสั้น หลัง SET ไม่สามารถยืนเหนือ 1,310 จุด ทำให้มีความเสี่ยงปรับลดลงทดสอบ 1,280 จุด หรือต่ำกว่า นักลงทุนระยะสั้นชะลอการเก็งกำไร ขณะที่ผู้ลงทุนระยะยาวใช้การแบ่งไม้เข้าซื้อในการทยอยสะสม เน้นอาหาร ไฟฟ้า รีทส์

แนวรับ: 1,280 / แนวต้าน : 1,300 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

 

 


 

หุ้นแนะนำ  (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)

•    RATCH* (36) : ผลประกอบการไตรมาส 2-3/67 แข็งแกร่ง จากการรับรู้รายได้จากทั้งโรงไฟฟ้าหินกองและไพธอน ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER ปีนี้ 8 เท่า และปันผล 6%  ตัดขาดทุน 27 บาท 

•    CPALL* (63) : หุ้นเด่นในกลุ่มค้าปลีก คาดผลประกอบการปี 2567 เติบโต 29% ได้ประโยชน์จากท่องเที่ยวและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล  ตัดขาดทุน 55 บาท 

•    3BBIF* (6.50) : กลุ่มกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ได้ประโยชน์ด้าน Valuation จากดอกเบี้ยขาลง ขณะที่การปรับโครงสร้างในกลุ่มของ GULF-INTUCH เป็นปัจจัยบวกระยะยาวต่อการมีสินทรัพย์ที่จะขายเข้ากองเพิ่มเติม ตัดขาดทุน 5.35 บาท

•    TNP* (4.40) : ผลประกอบการไตรมาส 2/67 คาดเติบโตเล็กน้อยจาหยอดขายสาขาเดิมที่ยังเป็นบวกได้ ราคาซื้อขายที่ระดับ PER 16x ต่ำในกลุ่มค้าปลีก ตัดขาดทุน 3.16 บาท  

ประเด็นที่น่าสนใจ 

-    พิชัยดึง 16 แบงก์กดปุ่ม Soft Loan สินเชื่อ Loan แสนล้าน เผยยอดจองพุ่ง 7-8 หมื่นล้าน
-    พาณิชย์เตรียมแถลงดึงร้านค้า 2 ล้านรายร่วมดิจิทัลวอลเล็ต ปลายสัปดาห์นี้-สัปดาห์หน้า
-    BTS ลุ้นชนะคดีสายสีเขียว ซึ่งศาลปกครองสูงสุดนัดอ่านคำพิพากษาคดีวันนี้ 9.00 น.
-    กลุ่มอสังหาฯ คงน้ำหนัก OVERWEIGHT 
-    AOTแนะนำ“ซื้อ” เป้า70บ./ MINTแนะนำ“ซื้อ”เป้า39บ./ TACCแนะนำ“ซื้อ”เป้า 7.2 บ. 

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

26 ก.ค. –PCE Price Index(Jun) /ผลประกอบการDelta /ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีสายสีเขียว