วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ OR ผลกระทบยังไม่ชัดของกฎหมายเชื้อเพลิงใหม่
กฎหมายใหม่ของกระทรวงพลังงานที่จะใช้ปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน และประมาณการ 2Q67F
ติดตามร่างกฎหมายใหม่ที่จะปรับโครงสร้างราคาน้ำมันในประเทศอย่างใกล้ชิด
กระทรวงพลังงานกำลังร่างกฎหมายฉบับใหม่เพื่อปรับโครงสร้างราคาน้ำมันในประเทศ ซึ่งจะนำมาใช้แทนพรบ. กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 โดยกฎหมายใหม่จะกลับมาให้สิทธิ์กระทรวงพลังงานในการกำหนดเพดานภาษีน้ำมัน ส่วนกระทรวงการคลังจะยังคงแป็นผู้เก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงต่อไป แต่จะต้องไม่เกินเพดานราคาที่กำหนดโดยกระทรวงพลังงาน ในขณะเดียวกันจะมีการบริหารจัดการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อดูแลภาวะขาดดุลในปัจจุบันที่มากกว่า 1 แสนล้านบาท นอกจากนี้ ในปัจจุบันประเทศไทยยังเก็บภาษีสามประเภทจากน้ำมันเชื้อเพลิงได้แก่ i) ภาษีสรรพสามิต, ii) ภาษีเทศบาลซึ่งคิดที่ 10% ของภาษีสรรพสามิต และ iii) ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากทั้งราคาขายส่งและค่าการตลาดน้ำมัน ซึ่งรัฐมนตรีพลังงานมองว่าการเก็บภาษีเหล่านี้จากน้ำมันเชื้อเพลิงซ้ำซ้อนกันอยู่ ทั้งนี้เมื่อพิจารณาการจัดเก็บภาษีของประเทศเพื่อนบ้าน พบว่ามีเพียงสามประเทศเท่านั้นที่เก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิง ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ และเวียดนาม โดยรัฐมนตรีบอกว่าประเทศไทยมักจะเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 5.99 บาท/ลิตร บวกกับภาษีเทศบาลอีก 0.59 บาท/ลิตร รวมเป็น 6.59 บาท/ลิตร ในขณะที่สิงคโปร์เก็บที่อัตรา 5.50 บาท/ลิตร และเวียดนามเก็บที่ 1.70 บาท/ลิตร ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าราคาน้ำมันไม่ได้เป็นความรับผิดชอบของกระทรวงพลังงานเพียงหน่วยงานเดียว ในขณะเดียวกันรัฐมนตรียังไม่ได้พูดถึงประเด็นค่าการตลาดน้ำมันในร่างกฎหมายใหม่ แต่เคยกล่าวถึงเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าค่าการตลาดน้ำมันของทั้งน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซินไม่ควรเกิน 2 บาท/ลิตร
คาดว่ากำไรใน 2Q67F จะลดลงเนื่องจากค่าการตลาดน้ำมันและปริมาณยอดขายน้ำมันลดลง
เราคาดว่ากำไรสุทธิของ OR ใน 2Q67F จะอยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท (-10% YoY, -33% QoQ) โดยกำไรที่ลดลงทั้ง YoY และ QoQ จะเป็นเพราะค่าการตลาดน้ำมันและปริมาณยอดขายน้ำมันลดลง เราคาดว่าค่าการตลาดน้ำมันของ OR จะลดลง 1% YoY และ 15% QoQ เหลือ 0.95 บาท/ลิตร แต่จะยังอยู่ในช่วงปกติที่ 0.7-1.2 บาท/ลิตร ลดลงหลังจากที่บริษัทสามารถบริหารจัดการค่าการตลาดน้ำมันโดยรวมใน 1Q67 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ เรายังคาดว่าปริมาณยอดขายน้ำมันของ OR จะลดลง 8% YoY และ 2%QoQ เหลือ 6,380 ล้านลิตร เนื่องจาก i) ได้รับผลกระทบจากกระแสข่าวปลอมที่กระทบความเชื่อมั่นเกี่ยวกับมาตรฐานหัวจ่ายน้ำมันของสถานีบริการน้ำมันแบรนด์ PTT ซึ่งมีมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 และ ii) ได้รับผลกระทบจากปัจจัยฤดูกาล แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันจะเพิ่มขึ้น QoQ เพราะเราคาดว่าปริมาณยอดขายกาแฟของ OR จะเพิ่มขึ้น 4% QoQ เป็น 103 ล้านแก้ว ในขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันจะเพิ่มขึ้น QoQ จาก 52.1% เป็น 52.5%
Valuation & action
เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย 1H68F ที่ 20.00 บาท ลดลงจากเดิมที่ 24.00 บาท โดยอิงจาก PE ที่ลดลงเหลือ 18.0x (คิดเป็น -1.5 S.D.) จากเดิม 22.0x เพื่อสะท้อนถึงความไม่ชัดเจนในรายละเอียดของร่างกฎหมายใหม่ที่กระทรวงพลังงานจะใช้ปรับโครงสร้างราคาน้ำมันในประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ OR เพราะเราคาดว่ากำไรน่าจะโต 18% YoY ในปีนี้ จากกำไรที่เร่งตัวขึ้นใน 2H67F
Risks
ความผันผวนของค่าการตลาดน้ำมัน, ปริมาณยอดขายน้ำมัน และปริมาณยอดขายกาแฟ