วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ลงตามต่างประเทศ

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ลงตามต่างประเทศ

วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวก ช่วงเช้าดัชนีได้แรงหนุนจากปัจจัยต่างประเทศ โดยประธานเฟดส่งสัญญาณพร้อมลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.

มีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ นำโดย DELTA ได้รับ Sentiment เชิงบวกจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิป และมีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงาน นำโดย PTTEP จากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น ขณะที่ช่วงบ่ายดัชนีโดนกดดันจากหุ้นกลุ่มอาหาร นำโดย CPF จากประเด็นเรื่องปลาหมอคางดำ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,322.75 จุด +1.89 จุด +0.14% มูลค่าการซื้อขาย 36,835.90 ลบ. Program Trading -751.81 ลบ. ต่างชาติ -206.51 ลบ. TFEX +9,859 สัญญา ตราสารหนี้ +7,957.05 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+/- คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติด้วยคะแนนเสียง 5-4 ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 5.00% ในการประชุมเมื่อวานนี้ สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
+ สหรัฐและชาติตะวันตกบรรลุข้อตกลงแลกเปลี่ยนนักโทษกับรัสเซียครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งส่งผลให้มีการปล่อยตัวนายอีแวน เกิร์ชโควิช ผู้สื่อข่าวของวอลล์สตรีท เจอร์นัล และนายพอล เวแลน อดีต นาวิกโยธินสหรัฐ ซึ่งถูกคุมขังในเรือนจำรัสเซียในข้อหาจารกรรม
+ ที่ประชุม กกพ.มีมติตรึงอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยทั่วประเทศที่เรียกเก็บกับประชาชน (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2567 ที่ 4.18 บาท/หน่วย ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย/เดือน ยังคงเรียกเก็บในอัตรา 3.99 บาท/หน่วยตามเดิม

ปัจจัยลบ 

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 494.82 จุด หรือ -1.21% กังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเผชิญภาวะถดถอยหลังเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่อ่อนแอ และตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่สูงเกินคาด
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.60 ดอลลาร์ หรือ -2.05% ปิดที่ 76.31 ดอลลาร์/บาร์เรล กังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมัน และนักลงทุนประเมินว่า เหตุการณ์ลอบสังหารผู้นำกลุ่ม ฮามาสอาจจะไม่ทำให้วิกฤติในตะวันออกกลางลุกลามเป็นวงกว้าง
 

 

- ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 46.8 ในเดือนก.ค. ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2566 จากระดับ 48.5 ในเดือนมิ.ย. และสวนทางที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 48.8
- ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือน มิ.ย.เริ่มเห็นการชะลอลงของเศรษฐกิจไทย ตามการท่องเที่ยวและการส่งออกที่ชะลอลง โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือน มิ.ย.หดตัวลงจากเดือนก่อนหน้า 4.4%

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงกดดันจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเผชิญภาวะถดถอย หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่อ่อนแอ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่อ่อนตัวลง กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,310-1,330 จุด

กลยุทธ์การลงทุน    

• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการลงทุน DATA CENTER และ CLOUD SERVICE : GULF ADVANC TRUE INSET ITEL
• หุ้น ESG Rating เด่น (AAA) : ADVANC BANPU CPF PTTGC SCC
• หุ้นได้ประโยชน์จากนโยบาย Digital Wallet ได้แก่ CPALL BJC DOHOME GLOBAL HMPRO
• สินค้าส่งออกเดือน มิ.ย. ที่เติบโตดี : STA NER TRUBB TEGH ITC AAI TNP KK

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

GLOBAL "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 17.00 บาท upside 10%
"กำไรสุทธิ 2Q67 สูงกว่าตลาดคาดการณ์ 7%"

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ลงตามต่างประเทศ

งวด 2Q67 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 765 ลบ. +5%QoQ +9%YoY ดีกว่า consensus คาด 7% มีรายได้จากการขาย 8,715 ลบ. -1%QoQ +2%YoY หดตัว QoQ เนื่องจากไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเหมือนช่วง 1Q67 ปรับตัวขึ้น YoY เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของสาขาใหม่ 8 แห่ง โดยช่วง 2Q67 ราคาของสินค้าในกลุ่มเหล็กปรับตัวขึ้น รวมทั้งบริษัทฯ มีการโปรโมทสินค้ากลุ่ม House brand ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 27% เพิ่มขึ้นจาก 25% จากช่วง 1Q67 และ 2Q66 ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปรับตัวขึ้น +10%QoQ และ +12%YoY จากการจ้างพนักงานสำหรับ สาขาใหม่ อย่างไรก็ตามบริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมค้า 61 ลบ. +21%QoQ +186%YoY ส่งผลให้บริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 9% เพิ่มขึ้นจาก 8% ทั้ง QoQ และ YoY

ความเห็น : มีมุมมองเป็นกลางต่อผลประกอบการครึ่งปีหลัง เนื่องจากช่วง ไตรมาส 3 มีปัจจัยทางฤดูกาลกดดันดีมานด์สินค้า ขณะที่ไตรมาส 4 เป็นช่วงที่ มีการใช้จ่ายของภาครัฐ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหนุนดีมานด์สินค้า โดย Bloomberg consensus คาดการณ์กำไรปี 67 ราว 2,908 ลบ. +9%YoY กำไรช่วง 1H67 เท่ากับ 1,490 ลบ. คิดเป็น 51% ของประมาณการทั้งปี ปัจจุบันซื้อขายที่ PE 31x สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 26x ราคาเหมาะสม consensus 17 บาท มี Upside ราว 10% เราจึงแนะนำ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว"

หุ้นมีข่าว

(+) ADVANC (Bloomberg Consensus 260.00 บาท) ผนึกออราเคิล ทุ่มงบ 8 พันล้านบาท พัฒนาเทคโนโลยีคลาวด์ในไทย เตรียมพร้อมให้บริการไฮเปอร์สเกล คลาวด์ ครั้งแรกในไทย ไตรมาส 1/2568 มั่นใจยกระดับบริการคลาวด์สู่การทรานส์ฟอร์มขององค์กรธุรกิจ ย้ำทุกบริการเป็นไปตามข้อกำหนดการจัดเก็บ และป้องกันข้อมูล พร้อมโดดเข้านโยบาย Cloud First Policy ภาครัฐ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) AAV (Bloomberg Consensus 3.15 บาท) ลั่น Q4/2567 ผลงานสุดพีครับเข้าไฮซีซันท่องเที่ยว-เครื่องบินใหม่หนุน บิ๊ก "สันติสุข คล่องใช้ยา" คอนเฟิร์มปีนี้รายได้โต 23% จากปีก่อน รับยอดผู้ใช้บริการทะลัก แถมล่าสุดเปิดตัวเครื่องบินรุ่นใหม่ "AIR BUS A321neo" ชูจุดเด่นจุคนได้มากกว่า-ประหยัดเชื้อเพลิงถึง 20% และยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้สูงถึง 30% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) GABLE (Bloomberg Consensus 5.50 บาท) ปิดดีลเข้าถือหุ้นใหญ่ 75% ใน Round 2 Solutions ผู้นำด้านที่ปรึกษา Digital Transformation มูลค่าลงทุน 330 ล้านบาท หนุนก้าวสู่ผู้นำ Smart Business Application ขยายฐานความแข็งแกร่ง เพิ่มศักยภาพการแข่งขันเข้าประมูลบิ๊กโปรเจกต์ ต่อยอดผลงานไตรมาส 1/67 มีแบ็กล็อกสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ 5,569 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) TFG (Bloomberg Consensus 4.52 บาท) “ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป” ประเมินครึ่งปีหลังธุรกิจสดใส รับผลดีราคาไก่-สุกร แนวโน้มดีต่อเนื่อง เดินหน้าลุยขยายร้านค้าปลีก “ไทยฟู้ดส์ เฟรช มาร์เก็ต” เพื่อสร้าง New S-Curve ดันรายได้และกำไรขั้นต้นเติบโตยั่งยืน เร่งขยายสาขาเปิดเพิ่มอีก 80 สาขา เพื่อผลักดันให้ครบ 450 สาขาภายในปีนี้ หนุนรายได้รวมทำนิวไฮเติบโต 10-15% (ที่มา ข่าวหุ้น)