วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ IVL ผลประกอบการ 2Q67: มีผลขาดทุนจากการด้อยค่าก้อนใหญ่
IVL พลิกเป็นขาดทุนสุทธิ 2.30 หมื่นล้านบาทใน 2Q67 (แย่ลงจากกำไรสุทธิ 411 ล้านบาทใน 2Q66 และ 1.1 พันล้านบาทใน 1Q67) เพราะมีการบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าก้อนใหญ่ 666 ล้านดอลลาร์ฯ (หลังหักภาษี) ใน 2Q67
หลังจากที่บริษัทปิดโรงงาน PET/PTA ในเนเธอร์แลนด์, โรงงาน Ethylene Oxide (EO) และอนุพันธ์ในออสเตรเลีย และมีการปรับการผลิตให้เหมาะสม (optimization) ในพื้นที่ผลิตอื่นๆ แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรจากธุรกิจหลักของ IVL จะลดลงเล็กน้อย 1% QoQ เหลือ 1.2 พันล้านบาทใน 2Q67 เพราะ EBITDA margin ของธุรกิจหลักที่ลดลงแทบจะหักล้างกันไปพอดีกับปริมาณการผลิตรวมที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ EBITDA margin จากธุรกิจหลักของ IVL ลดลง 3% QoQ เหลือ US$98/ton หลังจากที่ spread ของ PTA ในซีกโลกตะวันออกลดลง 6% QoQ เหลือ US$76/ton เช่นเดียวกับ spread ของ PET ทั้งในซีกโลกตะวันตกและตะวันออกลดลง 2% QoQ เหลือ US$256/ton และ 6% QoQ เหลือ US$65/ton ตามลำดับ แต่อย่างไรก็ตาม ปริมาณการผลิตรวมของบริษัทยังเพิ่มขึ้น 4% QoQ เป็น 3.61 ล้านตัน เนื่องจากอุปสงค์ PET สูงตามฤดูกาลในช่วงหน้าร้อน นอกจากนี้ บริษัทยังบันทึกกำไรจากสต็อกเพิ่มขึ้น 1% QoQ เป็น 421 ล้านบาท หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบดูไบเพิ่มขึ้น 5% QoQ เป็น US$85/bbl ใน 2Q67
ปรับลดประมาณการปี 2567F เป็นขาดทุนสุทธิ
เราปรับลดประมาณการปี 2567F จากเดิมที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 4.4 พันล้านบาท เป็นขาดทุนสุทธิ 1.97
หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีการบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่า 666 ล้านดอลลาร์ฯ (หลังหักภาษี) ใน 2Q67
ประกอบด้วย i) ค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่เงินสด (non-cash expense) 543 ล้านดอลลาร์ฯ จากการด้อยค่าของ
สินทรัพย์ระยะยาวและเงินทุนหมุนเวียนสุทธิ และ ii) ค่าใช้จ่ายที่เป็นเงินสด (cash expense) 123 ล้าน
ดอลลาร์ฯ จากค่าชดเชยการเลิกจ้าง (severance cost), สำรองการแจ้งล่วงหน้า (notice period provision),
และต้นทุนในการทำความสะอาดพื้นที่โครงการ (site-cleaning cost) แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคาดว่าจะ
ได้รับเงินสด 100-125 ล้านดอลลาร์ฯ จากการขายที่ดินของโรงงานที่ปิดไป ซึ่งเรายังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการของเรา นอกจากนี้ การปิดโรงงานยังจะช่วยให้ต้นทุนต่อหน่วยของ IVL ดีขึ้น เพราะบริษัทปิดโรงงานที่ไม่มีประสิทธิภาพไป และไปเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าแทน
Valuation & action
เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย 1H68F ที่ 21.50 บาท ลดลงจากเดิมที่ 23.50 บาท อิงจาก EV/EBITDA ที่ 7.0x
(เท่ากับ -1.0 S.D.) เพื่อสะท้อนถึงการปรับลดประมาณการผลประกอบการ เราเชื่อว่าราคาหุ้นจะถูกกดดัน
จากผลการดำเนินงานที่อ่อนแอใน 2Q67 ในขณะที่เรายังคงคำแนะนำถือ IVL
Risks
ความผันผวนของ spread ของ MEG, PTA, PET, fiber และ integrated oxides & derivatives