วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ลุ้นโหวตนายก
วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบ ได้รับแรงกดดันจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติถอดถอนนายกรัฐมนตรีพ้นสภาพ นักลงทุนกังวลนโยบายการบริหารอาจเปลี่ยนไป หากการโหวตนายกคนใหม่ ในวันนี้ไม่ได้มาจากพรรคเดิม
มีแรงขายมากในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ธนาคาร และค้าปลีก ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,289.84 จุด -2.85 จุด -0.22% มูลค่าการซื้อขาย 41,309.39 ลบ. Program Trading -1,206.61 ลบ. ต่างชาติ -515.69 ลบ. TFEX -2,008 สัญญา ตราสารหนี้ -8,832.32 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 554.67 จุด หรือ +1.39% หลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของการใช้จ่ายผู้บริโภค และช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.18 ดอลลาร์ หรือ +1.53% ปิดที่ 78.16 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ
+ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 76.5% ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนก.ย. หลังจากที่ให้น้ำหนัก 65% ก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว และให้น้ำหนักเพียง 23.5% ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนก.ย. หลังจากที่ให้น้ำหนัก 36.0% ก่อนการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว
+ สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 1%MoM ในเดือนก.ค. ฟื้นตัวหลังจากที่ลดลง 0.2%MoM ในเดือนมิ.ย. และแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่ายอดค้าปลีก เดือนก.ค.จะเพิ่มขึ้นเพียง 0.3%MoM
+ สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 7,000 ราย สู่ระดับ 227,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่้ากว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 236,000 ราย
+ คลังยังคงเดินหน้าการเปิดขายหน่วยลงทุนประเภท ก. กองทุนวายุภักษ์ให้แก่ นักลงทุนทั่วไปตามแผนเดิมที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติแล้ว กรอบวงเงิน 5 แสนล้านบาทโดยจะเหลือ 1-1.5 แสนล้านบาทเปิดขายหน่วยลงทุนเดือนก.ย.นี้
+ พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคมีมติเห็นชอบให้เสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งอยู่ในบัญชีรายชื่อแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรลงมติเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ในวันนี้ (16 ส.ค.67)
+ การส่งออกสินค้าอาหารไทยในช่วง 6 เดือนแรก ปี 2567 แตะระดับ 852,423 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.9% ปัจจัยหลักจากความต้องการสินค้าอาหารไทย ในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้นและต้นทุนวัตถุดิบหลักในการแปรรูปหลายรายการอ่อนตัวลง
ปัจจัยลบ
- กลุ่มฮามาสประกาศว่าจะไม่เข้าร่วมการเจรจาหยุดยิงในฉนวนกาซา ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นที่ประเทศกาตาร์
- สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 2 จุดสู่ระดับ 39 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2566 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 43
- ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของไต้หวันยกระดับการแจ้งเตือนสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปยัง 7 ประเทศในแอฟริกา โดยมีผลบังคับใช้ในวันนี้ หลังจากที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศวานนี้ว่า การระบาดของโรคฝีดาษลิง (monkeypox) หรือ mpox ถือเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระดับโลก
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้แกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยมีประเด็นการเมืองที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรลงมติเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ในวันนี้ 10.00 น. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศมีแรงหนุนจาก สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของการใช้จ่ายผู้บริโภค มองกรอบดัชนีในวันนี้ 1,280-1,300 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการลงทุน DATA CENTER และ CLOUD SERVICE : GULF ADVANC TRUE INSET ITEL
• หุ้น ESG Rating เด่น (AAA) : ADVANC BANPU CPF PTTGC SCC
• สินค้าส่งออกเดือน มิ.ย. ที่เติบโตดี : STA NER TRUBB TEGH ITC AAI
• MSCI Global Standard Indexes เข้า – ออก AWC EA GPSC IVL MSCI Small Cap Indexes เข้า BJC EA KAMART TLI ออก BA BYD EPG NEX ORI PTG RBF THANI SC SJWD SKY SNNP THCOM มีผล 2 ก.ย.
หุ้นรายงานพิเศษ
CPALL "ซื้อ" (Bloomberg Consensus 77.00 บาท)
"งวด 2Q67 กำไรสุทธิดีกว่าตลาดคาด 6%"
•งวด 2Q67 บริษัทมีกำไรสุทธิ 6,239 ลบ. +41%YoY, -1%QoQ โดยมีรายได้รวม 248,026 ลบ. +7%YoY, +3%QoQ เติบโตจากทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งธุรกิจร้านสะดวกซื้อ และธุรกิจค้าส่งค้าปลีก ตามการบริโภคภายในประเทศที่ขยายตัว รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น โดยธุรกิจ ร้านสะดวกซื้อ (CVS) มี SSSG เติบโต +3.8%YoY มีอัตรากำไรขั้นต้น (%GPM) ที่ระดับ 22.4% เพิ่มขึ้นจาก 22.3% ในงวด 1Q67 และระดับ 22.0% ในงวด 2Q66 จากสัดส่วนยอดขาย กลุ่มสินค้า Ready to Eat, Personal Care ที่มี Margin สูงเพิ่มขึ้น ในขณะที่ยอดขายของบุหรี่ ที่มี Margin ต่ำลดลง ในงวด 2Q67 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อมีการเปิดสาขาใหม่จำนวน 124 สาขา สิ้นงวด 2Q67 มีสาขารวม 14,854 สาขา กำไรในช่วง 1H67 เท่ากับ 12,559 ลบ. +47%YoY
•ปี 2567 บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในระดับใกล้เคียงกับการเติบโตของ GDP โดยบริษัทวางแผนเปิดสาขาใหม่ประมาณ 700 สาขา ช่วง 1H67 เปิดแล้ว 309 สาขา และมีเป้าหมายในการ เปิดสาขาเพิ่มในประเทศกัมพูชา และในสปป.ลาว บริษัทตั้งเป้าเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น (%GPM) โดย เพิ่มยอดขายสินค้าที่มี margin สูง
•Outlook ในช่วง 2H67 คาดรายได้เติบโตต่อเนื่อง YoY จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งมี margin สูง
•ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อผลการดำเนินงานงวด 2Q67 ที่ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาด โดยสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ รวมถึงมุมมองบวกต่อผลการดำเนินงานทั้งปี 67 จากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยหนุนต่อผลประกอบการ โดย Bloomberg Consensus คาดการณ์กำไรปี 67 23,062 ลบ. +25%YoY กำไรในช่วง 1H67 คิดเป็นสัดส่วน 54% ของประมาณการทั้งปี โดยมีราคาเหมาะสม Consensus 76.50 บาท Upside ราว 38% เราจึงแนะนำ “ซื้อ”
หุ้นมีข่าว
(+) BANPU (Bloomberg Consensus 5.80 บาท) เชื่องบครึ่งหลังปี 2567 เติบโตโดดเด่น ลุ้นราคาพลังงานทั้งก๊าซธรรมชาติและถ่านหินปรับตัวขึ้น สอดคล้องกับความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น รุกนำเทคโนโลยี จัดการ Supply Chain นำ Decarbonization and Digitization เข้ามาผสมผสาน รักษากำไรขั้นต้นธุรกิจถ่านหิน Banpu NEXT จ่อลงทุนในดาต้าเซ็นเตอร์ในต่างประเทศ มีนวัตกรรมลดความร้อน (ที่มา ทันหุ้น)
(+) SPALI (Bloomberg Consensus 20.35 บาท)มองอสังหาผ่านจุดต่ำ ติดเครื่องลุยเปิดโครงการใหม่ในครึ่งปีหลัง อีก 20 โครงการ มูลค่า 2.8 หมื่นล้านบาท โกยยอดขายเพิ่ม รับตลาดฟื้นตัวดีขึ้น มั่นใจยอดขาย-รายได้โตตามเป้า เตรียมรับรู้รายได้แบ็กล็อกกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)
(+) SNNP (Bloomberg Consensus 16.00 บาท) ปรับแผนบุกต่างประเทศ หันตั้งตัวแทนจำหน่าย หวังสิ้นปีนี้สัดส่วนรายได้พุ่งแตะ 30% ลุยออกโปรดักต์ใหม่ต่อเนื่อง-ไฮซีซัน หนุนผลดำเนินงานครึ่งหลัง ปี 2567 สดใส ยืนเป้าปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบกับปี 2566 จ่อร่วมงานไทยแลนด์โฟกัส หวังดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้าลงทุน(ที่มา ทันหุ้น)
(+) SAWAD (Bloomberg Consensus 40.00 บาท) ลุยธุรกิจไตรมาส 2/2567 กำไรสุทธิโต 1,320 ล้านบาท หนุนกำไรครึ่งปีแรกอยู่ที่ 2,598 ล้านบาท ผลงานโตเด่นท่ามกลางเศรษฐกิจชะลอตัว เผยสถานการณ์ขาดทุนจากการขายสินทรัพย์รอการขายได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดของปีนี้ไปแล้ว มั่นใจครึ่งหลังปัจจัยหนุนเด่น ปิดปี 2567 รายได้และกำไรเป็นไปตามเป้าหมาย (ที่มา ทันหุ้น)