วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.กรุงศรี KSL กำไรสุทธิ 3Q สูงกว่าคาด แต่ราคาน้ำตาลกดดันราคาหุ้น
เรามีมุมมองเป็นกลาง หลังประชุมนักวิเคราะห์ KSL แนะนำ Neutral และ Roll over ไปใช้ TP25F ที่ 2.80 บาท (พีอี 12 เท่า=ค่าเฉลี่ย) เพราะราคาน้ำตาลที่ยังไม่ชัดเจนยังกดดันราคาหุ้น KSL
อย่างไรก็ตามเรามองว่านักลงทุนยังสามารถทยอยสะสมหุ้น KSL คาดกาไรสุทธิปี FY25F เติบโต 6% เพราะคาดผลผลิตอ้อยและน้าตาลของ KSL เพิ่มขึ้นในปี FY25F จากอากาศดีขึ้นและการเปิดโรงงานใหม่ ซึ่งปริมาณที่เพิ่มขึ้น 33% เพียงพอชดเชยราคาน้าตาลปี FY25F ที่คาดว่าจะลด -10% เหลือ 22 เซ็นต์ รวมทั้งธุรกิจไฟฟ้าดีขึ้นด้วย ปัจจัยลบแนวโน้มผลการดาเนินงานใน 4QFY24F จะขาดทุนเพราะปริมาณขายน้าตาลลด ต้นทุนเชื้อเพลิงของธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีค่าใช้จ่าย pre-operating ของโรงงานใหม่ที่จะเริ่มงานใน 1QFY25F
กำไรสุทธิ 187 ลบ. ใน 3QFY24 (ฟื้นตัว y-y -42% q-q) ตามปริมาณขายเพิ่ม y-y ลด q-q
KSL รายงานกำไรสุทธิ 187 ลบ. ใน 3QFY24 (ปิดงวดเดือนกค.-24) สูงกว่าคาดที่ 49 ลบ. เพราะปริมาณขายและมาร์จิ้นสูงกว่าคาด ทั้งนี้กำไรสุทธิฟื้นตัว y-y แต่ลดลง -42%q-q จาก -165 ลบ/+325 ลบ.ใน 3Q23/2Q24 ฟื้นตัว y-y เพราะ GPM เพิ่มขึ้นเกิดจากราคาขายน้ำตาลและไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเพียงพอชดเชยปริมาณขายน้ำตาลลดลง y-y ส่วนกำไรสุทธิลดลง q-q เพราะ GPM ลดลงตามราคาส่งออกน้ำตาลลดลงและรับรู้ต้นทุนอ้อยเพิ่มขึ้นมีผลมากกว่าปริมาณขายน้ำตาลเพิ่มขึ้นจะชดเชยได้ ทั้งนี้ 3Q24 ปริมาณขายน้ำตาลที่ 1.75 แสนตัน -20%y-y แต่ +41%q-q เพราะฤดูกาลผลิตปี 24 มีอ้อยเข้าโรงงาน 5.4 ล้านตัน ลดลง -18%y-y ราคาขายน้ำตาลเฉลี่ย 22.8 บาท/กก +22%y-y -5%q-q ตามราคาน้ำตาลโลกปรับตัวขึ้น ส่วนปริมาณขายน้ำตาลเพิ่ม q-q เพราะมี shipment ที่เลื่อนจาก 2Q มาที่ 3Q จากปัญหาค่า freight สูง
Key numbers : ปริมาณขายและ GPM สูงกว่าคาด
ยอดขาย 4,912 ลบ.ใน 3Q24 สูงกว่าคาด +7% และเพิ่ม +16%y-y +17%q-q ปริมาณขายน้ำตาล 175,599 ตัน ลด-18%y-yชดเชยด้วยราคาขาย 22.8 บาท/กก เพิ่ม +22%y-y ในขณะที่ปริมาณขายน้ำตาลเพิ่ม +41%q-q ชดเชยกับราคาขายลด -5%q-q ธุรกิจไฟฟ้ามีปริมาณขาย +7%y-y -16%q-q เพราะมีการเร่งขายไฟมากขึ้น ราคาขายไฟเพิ่ม +5%y-y +19%q-q
โครงสร้างยอดขายใน 3QFY24 ประกอบด้วยน้ำตาล 84% ไฟฟ้า 11% อื่นๆ 6%
GPM 10.3% ใน 3Q24 สูงกว่าคาด (9.0%) เทียบกับ 2.5%/17.8% ใน 3Q23/2Q24 โดยการเพิ่ม y-y เพราะราคาขายน้ำตาล/ไฟฟ้าเพิ่ม 28%y-y/5%y-y การลด q-q เพราะราคาน้ำตาลลดลง -5% q-q และรับรู้ต้นทุนอ้อยเพิ่มขึ้น
SG&A to sales อยู่ที่ 6.5% ต่ำกว่าคาดที่ 6.8% เทียบกับ 8.0%/6.6% ใน 3Q23/2Q24 ลดลง y-y เพราะค่าใช้จ่ายส่งออกลดลง เนื่องจากสัดส่วนส่งออกลดจาก 82% ใน 3Q23 เหลือ 72% ใน 3Q24
ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อย 20 ลบ. ตามคาด เทียบกับ -3 / +39 ลบ.ใน 3Q23/2Q24 เพราะบริษัท BBGI มีธุรกิจไบโอดีเซลกำไรเพิ่มขึ้น y-y แต่ต้นทุนน้ำมันปาล์มเพิ่ม q-q จึงกำไรลด q-q
ดอกเบี้ยจ่าย 172 ลบ. สูงกว่าคาด และเพิ่ม +33%y-y +5%q-q เพราะเงินกู้เพิ่มขึ้น y-y ทรงตัว q-q และอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น y-y q-q
คาด 4QFY24F ขาดทุนราว -93 ลบ. อ่อนตัวลง y-y q-q จากต้นทุนเปิดโรงงานใหม่
คาดขาดทุนราว -93 ลบ. ใน 4QFY24F (ปิดงวดเดือนตค.-24) แย่ลง y-y q-q จาก +112 /+187 ลบ. ใน 4Q23/3Q24 ผลการดำเนินงานอ่อนตัวลง y-y q-q เพราะปริมาณขายไฟลด q-q ตามฤดูกาลและต้นทุนเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น ประกอบกับมีค่าใช้จ่าย pre operating ของโรงงานน้ำตาลแห่งใหม่
ประเด็นสำคัญจากประชุมนักวิเคราะห์ 11 กย.
เรามีมุมมองกลางในระยะ 3 เดือน และสถานการณ์ดีขึ้นในต้นปี 2025 จากประชุมนักวิเคราะห์มีประเด็นดังนี้
- ภาพอุตฯน้ำตาลไทย ปี 2025 คาดผลผลิตอ้อย 90-100 ล้านตันเพิ่มขึ้นจาก 82 ล้านตันในปี 2024 คาดผลผลิตน้ำตาลปี 2025 ที่ 10.12 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 8.6 ล้านตันในปี 2024 ทั้งนี้คาดน้ำตาลจะแบ่งเป็นบริโภคในประเทศ 3.0 ล้านตัน ส่งออก 7-8 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 5.8 ล้านตันในปี 2024 ส่วนราคาน้ำตาลส่งออก ทางการล็อกราคาล่วงหน้าปี 2025 ไปเพียงเล็กน้อย 0.1% ที่ราคา 21-22 เซ็นต์/ปอนด์
- แนวโน้มราคาน้ำตาลโลก KSL คาดราคาน้ำตาลโลกใน 6-12 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ราว 18-20 เซ็นต์/ปอนด์ ปัจจุบันราคาน้ำตาลอยู่ที่ 18.47 เซ็นต์/ปอนด์ แนวโน้มราคายังค่อนข้างผันผวน ปัจจัยบวกคือภัยแล้งในบราซิลอาจทำให้ผลผลิตปี 25 ของบราซิลต่ำกว่าคาดเดิม และอินเดียอาจนำอ้อยไปผลิตเอทานอลมากขึ้น ส่งผลให้ผลผลิตน้ำตาลต่ำกว่าคาดเดิม ปัจจัยลบคือหากราคาน้ำมันดิบลดลงจะทำให้อุปสงค์เอทานอลลดลงและผลผลิตน้ำตาลมากขึ้น
- KSL ปี 2024 มีอ้อยเข้าโรงงาน 5.43 ล้านตัน ลดลง -18% จาก 6.6 ล้านตันในปี 2023 และคาดผลผลิตน้ำตาล 5.7 แสนตัน ลดลง -22% จาก 7.3 แสนตันในปี 2023
- KSL ปี 2025 คาดมีอ้อยเข้าโรงงาน 7.24 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 33% จาก 5.43 ล้านตัน ในปี 2024 ดังนั้นคาดผลผลิตน้ำตาลในปี 2025 จะเพิ่มขึ้นราว 37% มาที่ 7.7 แสนตันในปี 2025 ทั้งนี้คาดอ้อยเข้าโรงงานโตสูงกว่าอุตฯ (+16%) เนื่องจากเปิดโรงงานใหม่ที่สระแก้ว
- โรงงานใหม่ที่อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว จะเปิดดำเนินงานราวเดือนธค-24 กำลังการหีบ 2 หมื่นตันอ้อย/วัน ทำให้กำลังการหีบอ้อยของ KSL เพิ่ม 15% จากเดิม 1.31 แสนตันอ้อย/วัน เป็น 1.51 แสนตันอ้อย/วัน เงินลงทุนส่วนใหญ่ใช้จ่ายไปเกือบหมดแล้ว เหลืออีก 500 ลบ. ต้องใช้ในปี FY25F KSL คาดใช้กาลังการผลิตโรงงานนี้ราว 50% ในปี FY25F เพราะเพิ่งเริ่มการผลิตครั้งแรก
ปรับเพิ่มประมาณการปี FY24/25/26F ขึ้นจากเดิม ถึงแม้ปรับสมมติฐานราคาน้ำตาลลง
เราปรับประมาณการปี FY24F/25F/26F ขึ้นจากเดิม 24%/17%/22% โดยปี FY24F ปรับ GPM เพิ่มเพราะ 3QFY24 มีปริมาณขายและ GPM สูงกว่าคาด และกำไรสุทธิ 9MFY24 คิดเป็น 136% ของประมาณการเดิมปี FY24F ปี FY25-26F ปรับ 1) เพิ่มปริมาณขายน้ำตาล เนื่องจากโรงงานใหม่เริ่มดำเนินงาน 2) เพิ่ม GPM ถึงแม้ลดสมมติฐานราคาขายลง เพราะอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นและชานอ้อยที่มีมากขึ้นเป็นผลดีต่อวัตถุดิบของธุรกิจไฟฟ้า อย่างไรก็ตามเราปรับลดสมมติฐานราคาส่งออกน้ำตาลจาก 24 เซ็นต์ เหลือ 22 เซ็นต์ (ราคาน้ำตาลดิบ 19 เซ็นต์บวก White premium 1.5 เซ็นต์ และ Thai premium 1.5 เซ็นต์) ตามราคาตลาดโลกและกังวลราคาน้ำมันดิบลง
แนะนำ Neutral และ Roll over ไปราคาเป้าหมายปี FY25 ที่ 2.80 บาท
เราแนะนำ Neutral และ Roll over ไปราคาเป้าหมายปี FY25 ที่ 2.80 บาท เรามีมุมมองเป็นกลางต่อ KSL เนื่องจากราคาหุ้นมีความผันแปรตามราคาน้ำตาล แต่แนวโน้มราคาน้ำตาลยังมีทิศทางไม่ชัดเจน ปัจจุบันราคาน้ำตาลอยู่ที่ 18.47 เซ็นต์ KSL คาดราคาน้ำตาลอยู่ที่ 18-20 เซ็นต์ ปัจจัยลบ คือแนวโน้มอุตฯน้ำตาลโลกจะมีผลผลิตมากกว่าความต้องการและราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวกดดันราคาเอทานอล ปัจจัยบวกคือบราซิลและอินเดียอาจมีผลผลิตต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ตามเรามีมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการใน FY25F เพราะแนวโน้มผลผลิตอ้อยและน้ำตาลเพิ่มขึ้นกว่า 30% ของ KSL ในปี FY25F น่าจะชดเชยกับแนวโน้มราคาน้ำตาลปี FY25F ที่ลดลง ทำให้คาดกำไรสุทธิเติบโต 6% ในปี FY25F