วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง US FOMC Meeting
ทางเทคนิค คาด SET Index เคลื่อนไหว Sideways Up แนวต้าน 1,445/1,460 จุด แนวรับ 1,423/1,417 จุด ภาพระยะกลางอยู่ในรูปแบบ Sideways กรอบใหญ่ 1,274-1,696 จุด โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 1,445/1,489 จุด (EMA 25/50 เดือน)
ส่วนในระยะสั้น ยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้น ทำ Higher High, Higher Low เป็นวันที่สี่ พร้อมกับสามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่รอบ 11 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค. 2023 โดยมีเป้าหมายระยะสั้นที่แนวต้านดังกล่าว และเป้าหมายใหญ่ที่ 1,489 จุด อย่างไรก็ดี เราคงคำแนะนำ ขึ้น-ทยอยขาย เพื่อลดความเสี่ยงหากเฟดไม่ส่งสัญญาณเร่งลดดอกเบี้ยอย่างที่ตลาดคาดการณ์
ประเด็น Event สำคัญวันนี้
TH: การเปิดขายหน่วยลงทุนประเภท ก ให้กับนักลงทุนทั่วไประหว่างวันที่ 16-20 ก.ย. (ประกาศการจัดสรรในวันที่ 25 ก.ย.)
EU: General Court มีคำตัดสินเกี่ยวกับคดีปรับ 1.5 พันล้านปอนด์ ต่อ Google เกี่ยวกับการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมในสื่อโฆษณาออนไลน์
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ
US: FOMC Meeting เราคาดเฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 25 bps. ในประชุมเดือน ก.ย. แต่มุมมองตลอดปีนี้ คาดลดดอกเบี้ยได้แค่ 50 bps.
US GDP ยังเติบโตสูงถึง 3.0% QoQ ใน 2Q24 ผลักดันให้ GDP Annual growth rate เร่งตัวขึ้นมาที่ 3.1% YoY (Vs 2.9% YoY ใน 1Q24) ขณะที่ 3Q24E GDP ของเฟด สาขาแอตแลนต้า คาดการณ์ผ่านแบบจำลอง GDP Now อยู่ที่ +2.5% QoQ หากเป็นไปตามคาดจะทำให้ GDP Annual growth rate อยู่ที่ 2.6% ใน 3Q24E ซึ่งยังคงสูงกว่าแนวโน้ม 2.1% YoY ที่เฟดประมาณการไว้ในครั้งก่อน (Dot Plot เดือน มิ.ย. 2024) มีนัยถึงโอกาสน้อยลงที่เฟดจะปรับลดประมาณการ 2024E GDP Growth ในการประชุมครั้งนี้ (เฟดจะปรับลดได้ต่อเมื่อ 4Q24 GDP ต้องต่ำกว่า 1.5% QoQ (Figure 2.0)) เมื่อผนวกกับเงินเฟ้อทั่วไป ที่แม้จะปรับตัวลดลงตามปัจจัยด้านต้นทุนแล้ว แต่ในด้านเงินเฟ้อพื้นฐาน ที่ยังคงเร่งตัวอยู่ ด้วยแรงหนุนจากอุปสงค์ภายในประเทศ ทำให้ Data dependent ยังคงบ่งชี้ว่าเร็วเกินไปที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงในการประชุมสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาร่วมกับมุมมองในภาพ Outlook dependent ด้วยภาวะตลาดแรงงานที่อ่อนแอลง จนส่งสัญญาณเตือนภาวะเศรษฐกิจถดถอย อิงกฎ Sahm rule สอดคล้องกับ ตลาดการเงินที่ส่งสัญญาณเตือนเศรษฐกิจถดถอยเช่นกัน ผ่านการเคลื่อนไหวของ Bond yield ในรูปแบบ Bull steepening เราจึงมีมุมมองว่าเฟดอาจพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 bps. ในการประชุมรอบนี้ เพื่อตอบรับกับการผ่อนคลายลงของแรงตึงตัวในภาคแรงงาน (สอดคล้องกับ Consensus) หลังจากนั้น เราคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกเพียง 25 bps. ในช่วงที่เหลือของปี รวมปีนี้ปรับลดลงเพียง 50 bps. (น้อยกว่าตลาดคาดหวังการปรับลดถึง -100 bps. (Figure 1))
US: Housing Starts เดือน ส.ค. โดย Consensus คาด +3.2% MoM เป็น 1.25 ล้านหน่วย (Vs เดือน ก.ค. -6.8% MoM เป็น 1.238 ล้านหน่วย)
EU: รายงานเงินเฟ้อเดือน ส.ค. (Final) โดย Consensus คาด +0% MoM, 2.2% YoY (Vs เดือน ก.ค. 0% MoM, 2.6% YoY) และลดลงมาแตะ 1.8-2.1% YoY ในช่วงสิ้นปี 2024E ส่วน Core Inflation Rate เดือน ส.ค. คาดลดลงเป็น +2.8% YoY (Vs เดือน ก.ค. 2.9% YoY) และลดลงมาที่ 2.4% YoY ในช่วงสิ้นปี 2024
UK: รายงานเงินเฟ้อเดือน ส.ค. โดย Consensus คาด +0.1% MoM, +2.2% YoY (Vs เดือน ก.ค. -0.2% MoM, 2.2% YoY) คาดทรงตัวในระดับ 2.2-2.4% ในช่วง 4Q24E ส่วน Core Inflation Rate เดือน ส.ค. คาด +0.1% MoM,+2.5%YoY (Vs เดือน ก.ค. 0.1% MoM, 3.3% YoY) โดยคาดลดลงต่อเนื่องแตะ 3% YoY ในช่วงสิ้นปี 2024
หุ้นแนะนำ : หุ้นที่มีประเด็นบวก CPNREIT AP GPSC
Strategic daily picks
CPNREIT ปิด 12.80 บาท/แนวรับ 12.50 บาท แนวต้าน 13.50 บาท
บริษัท ซีพีเอ็น รีท แมเนจเมนท์ จำกัด (ผู้จัดการกองทรัสต์ CPNREIT) คาดผลการดำเนินงานของ CPNREIT จะเติบโตต่อเนื่อง สอดคล้องกับการขยายตัวต่อเนื่องของการบริโภคภาคเอกชน ภาคบริการ การจ้างงาน ที่ได้รับแรงขับเคลื่อนจากภาคการท่องเที่ยว สำหรับสินทรัพย์ที่ CPNREIT ลงทุนทั้งหมด 12 โครงการ (7 ศูนย์การค้า, 4 อาคารสานักงาน และ 1 โรงแรม) ทั้งนี้ Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2024 ที่ 2.85 พันล้านบาท (+30.37% YoY) และมูลค่าเหมาะสม 12.18 บาท
AP ปิด 9.75 บาท/แนวรับ 9.35 บาท แนวต้าน 10.50 บาท
ในช่วง 2H24 บริษัทจะมีโครงการพร้อมขายทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด มากกว่า 202 โครงการ มูลค่ารวม 1.52 แสนล้านบาท ซึ่งตั้งแต่เดือน ส.ค. เป็นต้นไป บริษัทจะทยอยเปิด 25 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 2.74 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 1.6 พันล้านบาท (-5.87% YoY) และมูลค่าเหมาะสม 11.10 บาท
GPSC ปิด 46.25 บาท/แนวรับ 44.50บาท แนวต้าน 48.50 บาท
กำไรปกติ และกำไรสุทธิงวด 1H24 คิดเป็นสัดส่วน 40% และ 41% ของประมาณการทั้งปีที่ KTX คงคาดการณ์ที่ 5.6 พันล้านบาท โดยคาดโมเมนตัมกำไร 2H24E เพิ่มขึ้น HoH อย่างไรก็ดี KTX คงมุมมองกำไรปี 2024E ฟื้นตัว YoY และกำไร 2 ปีข้างหน้าทรงตัว และประเมินมูลค่าเหมาะสม 12M FWD ที่ 50.70 บาท
