กลยุทธ์การลงทุน : บล.เคจีไอฯ ประเด็นเงินบาทอ่อนค่าและเงินทุนไหลออก น่าจะเป็นช่วงสั้นเท่านั้น
หลังจากที่ ดัชนี US Dollar Index ตกหนักในช่วงหลายเดือนมานี้จากความคาดหมายของนักลงทุนว่าสหรัฐจะลดดอกเบี้ย ดัชนี US Dollar Index กลับมาดีดตัวขึ้นในช่วงต้นเดือนตุลาคม
เรามองว่าพลวัตรล่าสุดของภาวะเศรษฐกิจน่าจะช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์ฯ แค่ในระยะสั้นเท่านั้น โดยในประการแรกนาย Powell ประธาน Fed และ ผู้บริหาร Fed อีกสองสามรายได้ออกมาลดทอนความคาดหวังว่าจะมีการ
ลดดอกเบี้ย 50bps ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนกันยายนของสหรัฐยังดูประคองตัวได้ดี ซึ่ง ณ จุดนี้ ตลาด Futures สะท้อนความน่าจะเป็น 67% ที่ FOMC จะลดดอกเบี้ยเพียง 25bps ในเดือนพฤศจิกายน ประการที่สอง ค่าเงินเยนของญี่ปุ่นน่าจะกลับมาอ่อนค่าลงอีก อย่างน้อยก็ในระยะสั้น หลังจากที่นักลงทุนทราบว่านาย Shigeru Ishiba นายกรัฐมนตรีคนใหม่อาจจะไม่ใช้ดำเนินนโยบายในแนวทาง hawkish มากเหมือนที่กลัวกันในตอนแรก ทั้งนี้ Bloomberg รายงานข่าวเมื่อวันที่ 3 ตุลาคมว่านาย Ishiba เตือน BoJ ให้ระมัดระวังกับการขึ้นดอกเบี้ยด้วย
การอ่อนค่าของเงินบาทชี้ว่ากระแสเงินทุนจากต่างชาติจะอ่อนแอลงในระยะสั้น
จากปัจจัยภายนอกข้างต้น และ เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างมากถึง 4.44% ในเดือนกันยายน เรามองว่าเงินบาทอาจจะยังอ่อนค่าต่อในระยะสั้น ทั้งนี้ ก่อนการประชุม กนง. วันที่ 16 ตุลาคม เราคิดว่าค่าเงินบาทอาจจะถูกกดดันจากข่าวรัฐบาลไทย และ หน่วยงานอีกสองสามแห่งออกมาเรียกร้องให้ลดดอกเบี้ย โดยตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมเป็นต้นมา นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 500 ล้านดอลลาร์ฯ ตามการแข็งค่าของเงินบาท
ดัชนี SET มีความเสี่ยงทางลงที่จำกัด เพราะความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นบวก และมีแรงช่วยจากกองทุนวายุภักษ์
ดัชนี SET ที่พักฐานในช่วงนี้เป็นไปตามกลยุทธ์เดือนตุลาคมของเรา ที่มองว่านักลงทุนน่าจะตอบรับข่าวบวกหลัก ๆ ไปมากแล้ว ในขณะเดียวกัน เราเชื่อว่าดัชนี SET มี downside จำกัด เพราะ i) GDP มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างชัดเจนใน 3Q-4Q67 จากโครงการแจกเงินของรัฐบาล ii) ความคาดหวังว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่องในปี 2568 โดยมีการตั้งงบกระตุ้นเศรษฐกิจเอาไว้รวม 1.87 แสนล้านบาท และ iii) แรงสนับสนุนจากกองทุนวายุภักษ์ ซึ่งน่าจะเข้ามาเก็บหุ้นในช่วงที่ราคาย่อลงมา ทั้งนี้ เมื่ออิงจาก earnings yield gap แบบอนุรักษ์นิยมที่ 4.30%, ค่าเฉลี่ย + 0.5 SD และ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีที่ 2.50% เราประเมินว่าดัชนี SET ไม่น่าจะตกลงไปต่ำกว่า 1,440 จุด เรายังคงมองว่าตลาดหุ้นในช่วงสัปดาห์ต่อ ๆ ไปจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ
ทยอยสะสมหุ้น เน้นธีมการลงทุน เดือน ต.ค. เช่น กลุ่มการบริโภค, กลุ่มที่แนวโน้มกำไร 3Q67 ดี และ
กลุ่มที่จะได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาลง
เรามองว่าตลาดมี downside ไม่มากนัก และ นักลงทุนน่าจะเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อซื้อสะสมหุ้นตามธีมหลักของเรา อย่างเช่น กลุ่มที่ได้อานิสงส์จากการกระตุ้นการบริโภค, กลุ่มที่กำไรใน 3Q67F มีแนวโน้มดี และ กลุ่มที่ได้อานิสงส์จากการลดดอกเบี้ย ทั้งนี้ หุ้นเด่นในเดือนตุลาคมของเราได้แก่ CPAXT, CBG*, BH*, TRUE* และ SHR