Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 7 October 2024
ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับเพิ่มเล็กน้อยจากความรุนแรงในตะวันออกกลางที่ตึงเครียดมากขึ้น ขณะที่ OPEC+ คงนโยบายการลดกำลังการผลิตตามเดิม
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 70-80 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 74-84 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (7 - 11 ต.ค. 67)
ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากสถานการณ์ในตะวันออกกลางรุนแรงต่อเนื่อง และอาจทำให้เกิดสงครามเต็มรูปแบบระหว่างอิสราเอลและอิหร่านได้ ขณะที่ OPEC+มีมติคงนโยบายการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันตามเดิม นอกจากนี้ FED ส่งสัญญาณพร้อมปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ประกอบกับแผนจัดซื้อน้ำมันดิบเพื่อเติมคลังสำรองปิโตรเลียมเชิงยุทธศาสตร์ (SPR) ของสหรัฐฯ อาจหนุนความต้องการใช้น้ำมัน อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงกังวลต่อภาวะการเติบโตของเศรษฐกิจจีน และสหรัฐฯ ซึ่งตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อต่ำกว่า 50 อย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้
• สถานการณ์ในตะวันออกกลางยังคงตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากอิสราเอลพร้อมเปิดปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นดินเพื่อกวาดล้างกลุ่มฮิซบอเลาะห์ ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนคาดว่าหากความขัดแย้งในภูมิภาคดังกล่าวยกระดับขึ้น เป็นสงครามเต็มรูปแบบระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน อาจส่งผลผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบในภูมิภาค กลุ่มติดอาวุธนิกายชีอะต์ในอิรักและเยเมนก็อาจพุ่งเป้าการโจมตีเพิ่มเติมมาที่ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งถือเป็นพันธมิตรที่สำคัญของสหรัฐฯ และชาติตะวันตก ซึ่งหนุนหลังอิสราเอลอยู่ในเวลานี้
• จากการประชุมของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบ (OPEC+) มีมติคงนโยบายการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันเช่นเดิม โดยจะยังคงทยอยปรับเพิ่มกำลังผลิตขึ้นที่ระดับ 0.18 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ธ.ค. 67 อย่างไรก็ดี ซาอุดิอาระเบียเผยอาจเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบหากทางกลุ่มพันธมิตรไม่ปฏิบัติตามโควต้า ทั้งนี้ การประชุม OPEC+ จะจัดขึ้นอีกครั้งวันที่ 1 ธ.ค. 67
• นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด (FED) ส่งสัญญาณที่จะลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในการประชุมสองครั้งที่เหลือของปี แต่อาจเป็นในอัตราที่ช้าลงที่ระดับ 0.25% หลังตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง โดยล่าสุดนายเจอโรม พาวเวล มั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะลดลงมาอยู่ที่ 2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วได้ตามเป้าหมาย และสามารถรักษาระดับอัตราการว่างงานในระดับต่ำได้ ทั้งนี้ อัตราว่างงาน (Unemployment Rate) เดือน ส.ค. 67 อยู่ที่ 4.2% ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เผยตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัคร (JOLTS) เดือน ส.ค. 67 เพิ่มขึ้น 329,000 ตำแหน่ง เทียบกับเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 8.04 ล้านตำแหน่ง สูงสุดในรอบ 3 เดือน นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ชี้วัดอัตราเงินเฟ้อในเดือน ส.ค. 67 อยู่ที่ 2.5% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
• กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ประกาศจัดซื้อน้ำมันดิบวันที่ 18 ก.ย. 67 เพื่อเติมคลังสำรองปิโตรเลียมเชิงยุทธศาสตร์ (SPR) ปริมาณรวมประมาณ 6 ล้านบาร์เรล ส่งมอบในเดือน ก.พ. - พ.ค. 68 ทั้งนี้ ในปี 2567 สหรัฐฯ ซื้อคืนน้ำมันดิบเข้า SPR ปริมาณ 56 ล้านบาร์เรล ที่ระดับราคาเฉลี่ย 76 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล
• อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงกังวลต่อภาวะการเติบโตของเศรษฐกิจจีน หลังดัชนีผู้จัดฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) อยู่ที่ระดับ 49.8 ในเดือน ก.ย. 67 ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำกว่า 50 เป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนภาพของเศรษฐกิจจีนที่ยังคงเผชิญกับความท้าทาย แม้รัฐบาลจะมีมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ออกมาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ซบเซาเช่นเดียวกัน หลังล่าสุดดัชนีผู้จัดฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) อยู่ที่ระดับ 47.2 ในเดือน ก.ย. 67 ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำกว่า 50 เป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงภาพเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ยังคงเปราะบางอยู่
• ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้คือ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ เดือน ก.ย. 67 ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค อัตราการว่างงานเดือน ก.ย. 67 และดัชนีราคาผู้ผลิต เศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรป เดือน ส.ค. 67 ได้แก่ ยอดขายปลีก และเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน เดือน ก.ย. 67 ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค และดัชนีราคาผู้ผลิต
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (30 ก.ย. - 4 ต.ค. 67)
• ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 6.20 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 74.38 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 6.07 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 78.05 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 77.78 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากกลุ่ม Hamas แถลงการณ์ ผู้บัญชาการกลุ่ม Hamas ในเลบานอน นาย Fateh Sherif เสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศในท่าเรือทางใต้ของเมือง Tyre ในเลบานอน ขณะที่อิหร่านตอบโต้อิสราเอลด้วยขีปนาวุธราว 180-200 ลูก นอกจากนี้ สำนักสถิติแห่งชาติของสหราชอาณาจักร (ONS) เผยอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ในไตรมาส 2 ปี 67 อยู่ที่ 0.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ไตรมาส 1 ปี 67 อยู่ที่ 0.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากการขยายตัวในภาคบริการ อย่างไรก็ดี สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 27 ก.ย. 67 ปรับเพิ่มขึ้น 3.8 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 417 ล้านบาร์เรล สวนทางกับนักวิเคราะห์ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล