เวสต์เทกซัส 73.57 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล เบรนท์ 77.18 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (9 ต.ค. 67) ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงกว่า 4% หลังความขัดแย้งในตะวันออกกลางมีแนวโน้มดีขึ้น ขณะที่จีนยังคงไม่มีมาตรการในการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์โดยตรง
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา
(-) ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงกว่า 4% หลังจากที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า หลังมีข่าวว่ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์อาจเปิดโอกาสให้มีการเจรจากับอิสราเอลเพื่อหยุดการโจมตี โดยล่าสุดนักวิเคราะห์มองว่าทางอิสราเอลอาจไม่โจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการผลิตน้ำมันในกรุงเตหะรานของอิหร่าน อย่างที่มีการคาดการณ์ในช่วงก่อนหน้า ส่งผลให้ความกังวลที่มีต่ออุปทานจากตะวันออกกลางลดลง
(-) ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากอุปสงค์จีน หลังการแถลงข่าวของคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) ที่ไม่มีการประกาศมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่มุ่งเน้นไปที่การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการออกพันธบัตร ส่งผลให้นักลงทุนมองว่ายังไม่เพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา และอาจมีผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจจีนโดยรวมได้ อย่างไรก็ดีทางการจีนยังคงมองว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมาย GDP ที่ 5%ภายในสิ้นปีได้ด้วยนโยบายดังกล่าว
(+) ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุน เนื่องจากอุปทานจากสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มตึงตัว จากผลกระทบของพายุเฮอริเคน Milton ซึ่งส่งผลให้กำลังการผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโกหยุดชะงักลง โดยล่าสุดได้ทวีความรุนแรงเป็นระดับ 5 และคาดว่าจะมุ่งสู่ชายฝั่งรัฐฟลอริดาภายในวันพุธนี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันในบริเวณดังกล่าว
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังน้ำมันเบนซินคงคลังของสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 4 ต.ค. 67 ปรับลดลงกว่า 0.557 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ดี ราคายังได้รับแรงกดดันจากอุปสงค์จีนที่ลดลงจากภาวะเศรษฐกิจยังคงที่ซบเซา
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตัวเลขอุปสงค์น้ำมันดีเซลของอินเดียในเดือนก.ย. 67 ปรับลดลงกว่า 1.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากฤดูมรสุมที่ยังคงรุนแรง อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดีเซลยังคงได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ของอินโดนีเซียที่มีแนวโน้มแข็งแกร่ง
