วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เลือกเก็งกำไรรายตัวระหว่างรอผลประกอบการ
หุ้นสหรัฐฯ ปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง บรรยากาศลงทุนโดยรวมยังได้รับปัจจัยบวกจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นสหรัฐฯ ก่อนการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) ก.ย. ในคืนนี้ ซึ่งตลาดคาดว่าจะออกมาที่ +0.1% MoM, +2.3% YoY ชะลอตัวลงจาก ส.ค. ที่ +0.2% MoM, +2.5% YoY
ทั้งนี้เงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจและการจ้างงานที่แข็งแกร่ง ทำให้ตลาดจะไม่ตกใจมากนักหากการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในช่วงที่เหลือปีนี้อาจจะเกิดเพียง 0.25% โดยติดตามรายงานการประชุมเฟดที่จะออกในคืนนี้เช่นกัน
ติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากจีน 12 ต.ค. ทั้งนี้กระทรวงการคลังมีกำหนดแถลงข่าวและพบปะสื่อมวลชนเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายการคลังและเศรษฐกิจความคาดหวังว่ารัฐบาลจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมทำให้ตลาดหุ้นฮ่องกงและจีน ฟื้นตัวเป็นบวกเช้านี้ และอาจช่วยสร้างจิตวิทยาเชิงบวกให้กับหุ้นเอเซียที่มีเศรษฐกิจผูกพันกับจีน เช่น ไทย
การเก็งกำไรให้น้ำหนักกับผลประกอบการไตรมาส 3/67 ที่กำลังจะประกาศ โดยกลุ่มที่เราคาดว่าผลประกอบการระยะสั้นแข็งแกร่ง หรือมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นต่อเนื่อง ได้แก่ สื่อสาร ค้าปลีก ขณะที่กลุ่มอาหาร BTG และ TFG อาจฟื้นตัวได้ดีกว่า CPF และ GFPT / อาหารสัตว์เลี้ยง ยังมีสัญญาณที่ดีทั้ง ITC, AAI / กลุ่มท่องเที่ยว กำลังเข้า high season อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตลาดติดตาม คือ ความเร็วในการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวในช่วง ต.ค. เทียบกับจำนวนต่ำสุดของปี ก.ย. ซึ่งตัวเลขสัปดาห์แรก ต.ค. +7.75% WoW หากสัปดาห์หน้ายังเดินหน้าขึ้นต่อ ในระดับ +/-10% หรือมากกว่า ตลาดจะเริ่มกลับมาให้น้ำหนักกลุ่มท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
ภาพรวมกลยุทธ์ “แกว่งตัวในกรอบ 1,445-1,465 จุด เก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็ก สะสมหุ้นที่เข้าสู่ช่วง high season อย่างกลุ่มท่องเที่ยว การแพทย์ อาหารสัตว์เลี้ยงเราชอบ AOT, ERW, CENTEL, SPA, VRANDA, BCH, BDMS, ITC //หุ้นได้แประโยชน์ Data center: WHA, INSET, ITEL, MFEC, AIT, ICN // หุ้นต่ำมูลค่าทางบัญชี FLOYD, IND, BC
แนวรับ: 1,445 / แนวต้าน : 1,465 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• CCET* (5) : ประกาศยอดขาย ก.ย.67 ที่ 16,574 ล้านบาท เติบโต +47% ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลบวกต่อการโยกย้ายคำสั่งซื้อมายังไทย ตัดขาดทุน 3.70 บาท
• SAMART* (8) : ผลการดำเนินงานได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐฯ และการได้รับโครงการใหม่ๆ ราคาปัจจุบันต่ำกว่า NAV ที่ 8-10 บาท ตัดขาดทุน 6.90 บาท
• TFG* (5) : ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 แข็งแกร่ง ขณะที่ไตรมาส 4/67 คาดได้แรงหนุนจากกำลังซื้อที่เพิ่มจากมาตรการการแจกเงิน ตัดขาดทุน 4.08 บาท
• CKP* (4.50) : ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 คาดได้แรงหนุนจากปริมาณน้ำที่มากเป็นพิเศษ ตัดขาดทุน 3.66 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด
- นายกฯ ญี่ปุ่น ประกาศยุบสภา เตรียมเลือกตั้งใหม่ 27 ต.ค.67
- ราคาซื้อขาย “โกโก้” ล่วงหน้าพุ่ง 4.7% สัญญาณการผลิตทั่วโลกยังตึงตัว
- สทท.เตรียมเสนอรัฐบาล อนุมัติ เที่ยวคนละครึ่ง วงเงิน 5,000 ล้านบาท กระตุ้นท่องเที่ยวไทย
- “สารัชถ์ รัตนาวะดี” รับซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นที่คัดค้าน ควบรวม GULF-INTUCH 17-30 ต.ค.67
- MCOT แจงโครงการพัฒนาที่ดิน 50 ไร่ อยู่ระหว่างศึกษา หลังมีข่าวทำ “เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์”
- TMAN เคาะขาย IPO หุ้นละ 16.30 บาท P/E 15.6 เท่า จองซื้อ 10-15 ต.ค.
- SCGP แนะนำ “ซื้อ” เป้า 39 บาท/ TOP แนะนำ “ซื้อ” เป้า 60 บาท/ WHA แนะนำ “ซื้อ” เป้า 6.50 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
10 ต.ค. – FOMC Minutes/ US CPI Inflation (Sep)