กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ แกว่งกรอบแคบ ปัจจัยต่างประเทศยังไม่ชัดเจน

กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ :  บล.เคจีไอฯ แกว่งกรอบแคบ ปัจจัยต่างประเทศยังไม่ชัดเจน

ตลาดน่าจะพักฐานต่อ ตลาดโลกยังมีความไม่แน่นอนสูง ในสัปดาห์ที่แล้ว (21-25 ตุลาคม) ตลาดหุ้นไทยย่อลงมาบ้างตามที่เราคาดไว้ โดยปัจจัยลบที่ฉุดัชนี SET สรุปได้ดังนี้

ปัจจัยแรก คือ ดัชนี US Dollar และ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐส่วนใหญ่ออกมาแข็งแกร่ง ในขณะที่มีผู้บริหาร Fed หลายรายส่งสัญญาณว่า Fed อาจจะระมัดระวังมากขึ้นกับการลดดอกเบี้ยในอนาคต

ปัจจัยที่สอง คือนักลงทุนมองว่ามีโอกาสมากขึ้นที่ Donald Trump จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐรอบนี้ ซึ่งอาจจะทำให้สถานการณ์ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐ และ จีนตึงเครียดมากขึ้น, ทำให้เงินเฟ้อสหรัฐสูงขึ้น และ อาจจะไม่ลดดอกเบี้ยมากเท่ากับที่คาดเอาไว้ก่อนหน้านี้

สำหรับในสัปดาห์นี้ (28 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน) เราคาดว่าดัชนี SET จะพักฐานต่อจากปัจจัยดังต่อไปนี้

ปัจจัยแรก ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์เร่งตัวขึ้น หลังจากที่อิสราเอลโจมตีพื้นที่ทางการทหารที่สำคัญของอิหร่านเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานส่วนใหญ่น่าจะขาดทุนใน 3Q67 เราจึงคิดว่าราคาหุ้นกลุ่มนี้ไม่น่าจะตอบรับในเชิงบวกกับเหตุการณ์นี้

ปัจจัยที่สอง การเมืองไทยยังมีความไม่แน่นอนอยู่ เพราะพรรคเพื่อไทยถูกยื่นคำร้องสองคดี ซึ่งในกรณีเลวร้ายที่สุดอาจจะทำให้ศาลมีคำสั่งยุบพรรค

ปัจจัยที่สาม มีความเสี่ยงที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะแข็งขึ้น และ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะพุ่งสูงขึ้นอีกในสัปดาห์นี้ เพราะมีตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐหลายตัวที่มีกำหนดจะประกาศในปลายเดือนนี้ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับความคาดหวังต่อทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐ

 

 

ติดตาม GDP 3Q67 ของสหรัฐ, อัตราเงินเฟ้อ PCE และ กระแสข่าวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย

ปัจจัยต่างประเทศ: นักลงทุนควรติดตาม i) ตัวเลข GDP 3Q67 ของสหรัฐ (advance reading) ในวันพุธซึ่ง consensus ประเมินว่าจะขยายตัว 3.0% QoQ annualized ในขณะที่แบบจำลอง GDP tracker ของ Fed
ประเมินไว้ที่ 3.3% ii) อัตราเงินเฟ้อ PCE เดือนกันยายน

ปัจจัยในประเทศ: นักลงทุนควรติดตาม i) ผลการประชุม 'คณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ' ซึ่งน่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในช่วงปลายปีนี้ และ ต้นปีหน้า ii) รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือนกันยายนของ ธปท. ซึ่งจะประกาศในวันพฤหัสบดีนี้

ยังคงเน้นลงทุนแบบ defensive ในระยะสั้น แต่ให้เตรียมพร้อมสะสมหุ้นธีมหลักของเรา อย่างเช่น กลุ่มการบริโภค, นิคมอุตสาหกรรม และ กลุ่มที่ผลประกอบการ 3Q67 มีแนวโน้มแข็งแกร่ง

เนื่องจากปัจจัยภายนอกยังมีความไม่แน่นอนสูง ทั้งในประเด็นกรณีพิพาทอิสราเอล-อิหร่าน และ การเลือกประธานาธิบดีสหรัฐที่ยังคู่คี่ก้ำกึ่ง เราจึงแนะนำให้นักลงทุนยังคงเน้นลงทุนแบบ defensive ในระยะสั้น นอกจากนี้ เนื่องจากเหลือ upside ถึงเป้าดัชนีกลางปี 2568 ใหม่ของเราที่ประมาณ 1,500 จุดอีกไม่มาก ในขณะที่ตลาดยังผันผวนอยู่ เราจึงแนะนำให้นักลงทุนเตรียมพร้อมเข้าซื้อสะสมหุ้นธีมหลักของเรา อย่างเช่น i) กลุ่มที่จะได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นการบริโภค (CPALL*, CPAXT), นิคมอุตสาหกรรม (AMATA*, WHA*) และ กลุ่มที่ผลประกอบการ 3Q67 มีแนวโน้มแข็งแกร่ง อย่างเช่น BH* และ TRUE*