วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.กรุงศรี STANLY กำไรออกมาแข็งแกร่ง
กำไรหลักของ STANLY ใน 2QFY25 พุ่งแตะ 576 ล้านบาท (+19% yoy, +90% qoq) จาก GPM ที่แข็งแกร่งซึ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ไตรมาสที่ผ่านมา
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ STANLY เนื่องจากบริษัทยังมีช่องทางในการพัฒนา GPM เพิ่มเติมได้จากการควบรวมโรงงาน และประโยชน์จากอยู่ภายใต้บริษัทแม่ คงคำแนะนำ NEUTRAL ด้วยราคาเป้าหมายเท่าเดิมที่ 200 บาท
อัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่งช่วยหนุนกำไรใน 2QFY25
รายได้ของ STANLY ใน 2QFY25 (ก.ค.-ก.ย.) ลดลงมาอยู่ที่ 3.2 พันล้านบาท (-14% yoy, +8% qoq) ดีกว่าอุตสาหกรรม เนื่องจากการผลิตยานยนต์ของประเทศไทยใน 3Q24 ลดลง 21% yoy นอกจากนี้ GPM ของบริษัทยังปรับตัวดีขึ้นเป็น 21.3% เทียบกับ 18.4% และ 16.3% ใน 1QFY25 และ 2QFY24 ตามลำดับ โดยเป็นผลจากการรวมโรงงาน ทั้งนี้ GPM ของบริษัทใน ไตรมาสนี้เป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 ไตรมาสที่ผ่านมา แม้ว่ารายได้ของบริษัทจะยังคงต่าก็ตาม ทาให้กาไรหลักของบริษัทพุ่งสูงถึง 576 ล้านบาท (+19% yoy, +90% qoq) อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิลดลงเหลือ 327 ล้านบาท (-34% yoy, +6% qoq) เนื่องมาจาก 1) การรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าทรัพย์สินและการตัดทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้จากการรวมโรงงาน Lamp 1 และ 5 กับโรงงานอื่น และ 2) ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน
GPM จะเป็นตัวกำหนดแนวโน้มในอนาคต
กำไรหลักประจำปี 2HFY25 ของ STANLY คิดเป็น 52% ของการคาดการณ์ทั้งปีของเรา เราเชื่อว่าการคาดการณ์ของเรามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นหากบริษัทสามารถรักษาระดับ GPM ไว้สูงกว่า 20% ได้ตลอดทั้งปีนี้ ซึ่งเราคิดว่ามีความเป็นไปได้สูง เนื่องจากเราคาดว่าการผลิตรถยนต์ใน 2HFY25 น่าจะค่อยๆ ดีขึ้น ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ STANLY มีแนวโน้มที่ดีขึ้นคือบริษัทจะพัฒนา GPM ได้ท่ามกลางภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยที่ยังไม่ชัดเจน
คงมุมมองเป็นกลางด้วยราคาเป้าหมายเดิมที่ 200 บาท
แนวโน้มของอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยยังคงไม่ชัดเจน การผลิตรถยนต์ทั้งหมดในปีนี้อาจต่ำกว่าที่เราคาดไว้ที่ 1.59 ล้านคัน (-14% yoy) ถึง 1.55 ล้านคัน (-17% yoy) โดยเรายังไม่เห็นถึงสัญญาณการฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า STANLY จะทำผลงานได้ดีกว่าตลาดในจาก GPM ของบริษัทยังมีโอกาสที่จะสูงขึ้น ดังนั้นเราจึงคงคำแนะนำเป็น NEUTRAL โดยมีราคาเป้าหมายเดิมที่ 200 บาท อ้างอิง P/E 9.1 เท่า (mean)
