วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ อยู่กับกลุ่มผู้ชนะ ในภาวะตลาดผันผวน

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ อยู่กับกลุ่มผู้ชนะ ในภาวะตลาดผันผวน

ผลประกอบการ คือเจ้ามือ การรายงานผลประกอบการ 3Q24 เป็นสิ่งที่ตลาดให้ความสนใจมากที่สุดในช่วงเวลานี้ โดยหุ้น Growth ที่มีแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้น Value ที่แนวโน้มกำไรอ่อนแอ

ทั้งนี้จากข้อมูล MTD เดือน ต.ค. พบว่ามีเพียงกลุ่ม 3 กลุ่มที่ผลตอบแทนเป็นบวก 1) กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ นำโดย DELTA, 2) กลุ่มนิคมฯ และ 3) กลุ่มสื่อสาร เรายังคงมุมมองตลาดหุ้นไทยแกว่งออกข้างถึงพักฐาน ยังขาดปัจจัยหนุนในระยะสั้น

กระจายความเสี่ยงในภาวะที่ตลาดผันผวน ตลาดหุ้นปรับตัวลงเป็นวงกว้างในเดือน ต.ค. เราแนะนำ กระจายความเสี่ยงโดยแบ่งน้ำหนักการลงทุนเป็น 2 ส่วน 1) หุ้นที่อยู่ในโมเมนตัมขาขึ้นและมีแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่ง เนื่องจากเรามองว่าเป็นกลุ่มที่มีเงินทุนไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (WHA, AMATA) และ  กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, TRUE) โดยทั้งสองกลุ่มจะได้ประโยชน์จากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐ-จีน เรามองว่ามีโอกาสเห็นการเก็งกำไรหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สัปดาห์หน้า และ 2) หุ้น Laggard ที่มีโมเมนตัมของกำไรที่แข็งแกร่ง ได้แก่ กลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, RATCH, EGCO) ที่จะได้รับประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และ หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว (AOT,ERW,VRANDA) ที่ราคาได้รับรู้ปัจจัยลบไปมาก

แนวรับถัดไป 1,430 ระยะกลางตลาดยังอยู่ในภาพของการพักฐานบริเวณ 1,430-1,450 จุด ภาพใหญ่ยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น ในขณะที่บรรยากาศการลงทุนโดยรวมเป็นภาพของการเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่แนวโน้มผลประกอบการแข็งแกร่ง ตามกลุ่มที่มีการทยอยประกาศผลประกอบการ 3Q24 หุ้นหลายตัวมีการปรับฐานตามเล็กน้อยจาก Valuation ที่ค่อนข้างตึงตัว ระยะกลางมองแนวรับที่ 1,430 จุด 

 


 

ภาพรวมกลยุทธ์  “กรอบการเก็งกำไร 1,430-1,500 จุด เลือกเก็งกำไรรายตัว สะสมหุ้นที่เข้าสู่ช่วง high season อย่างท่องเที่ยว การแพทย์ เราชอบ AOT, ERW, CENTEL, SPA, VRANDA, BCH, BDMS 2) หุ้นได้ประโยชน์การ Relocation : WHA,TRUE, INSET, ITEL, MFEC, AIT, ICN, LTS 3) หุ้นต่ำมูลค่าทางบัญชี FLOYD, IND, BC

แนวรับ: 1,430  แนวต้าน : 1,500 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

หุ้นแนะนำ  (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)

•    VRANDA* (7) : คาดกำไรสุทธิ 2H24 จะเติบโตเด่น yoy หนุนจากทั้งธุรกิจโรงแรม และอสังหาริมทรัพย์ ผสานกับอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น ตัดขาดทุน 5.00 บาท
•    BGRIM* (30) : คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ และมองเป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาลง ตัดขาดทุน 21.00 บาท 
•    IVL* (32) : คาดกำไรสุทธิ 3Q67 จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น และมีโอกาสที่นักวิเคราะห์ในตลาดจะปรับกำไรสุทธิ และราคาเป้าหมายขึ้น ตัดขาดทุน 24 บาท  
•    MENA* (1.40) : เข้าสู่เฟสของการฟื้นตัว ปริมาณการใช้คอนกรีตผสมเสร็จเดือน ก.ย. พลิกบวก yoy ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 11 เดือน ตัดขาดทุน 1.15 บาท

ประเด็นที่น่าสนใจ  

-    ธปท.ยันคลังเห็นพ้องกรอบเงินเฟ้อ 1-3% ยังเหมาะสมตราบใดที่เศรษฐกิจโตได้-ลงทุนขยายตัว
-    จุลพันธ์ ไม่ฟันธง Entertainment complex ทันปีนี้หรือไม่ รอขั้นตอนตามคิว
-    พาณิชย์” นัดประชุมคกก.แก้ปัญหาสินค้านำเข้าด้อยคุณภาพนัดแรกพรุ่งนี้
-    สหรัฐเผย GDP +2.8% ใน Q3/67 ต่ำกว่าคาดการณ์
-    ADP เผยจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ +233,000 เดือนต.ค. สูงกว่าคาดการณ์
-    จีนลั่นไม่ยอมรับ EU ขึ้นภาษีนำเข้ารถ EV ยันเดินหน้าเจรจาต่อ-ปกป้องบ.จีนถึงที่สุด
-    SAMTEL ประเดิมคว้างานใหญ่กว่า 2 พันลบ.ช่วงโค้งสุดท้ายอัพ Backlog สู่ 6.3 พันลบ.
-    SCC คงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 220 บาท 
-    VRANDA เริ่มต้นบทวิเคราะห์ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 10.00 บาท

 

 

 


 

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

31 ต.ค. - BoJ Interest Rate Decision / TH Retail Sales / TH Industrial Production /US PCE / 
              EU CPI / ผลประกอบการ APPL, AMZN 
1 พ.ย. – ผลประกอบการ ADVANC, THCOM /  US Non Farm Payrolls/ Unemployment Rate
5 พ.ย. – TH CPI, ผลประกอบการ IRPC และ ITC

 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ อยู่กับกลุ่มผู้ชนะ ในภาวะตลาดผันผวน วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ อยู่กับกลุ่มผู้ชนะ ในภาวะตลาดผันผวน