DELTA เผชิญเสี่ยงกำไรวูบ กดดัน “ดัชนีหุ้นไทย” ต้นปี

DELTA เผชิญเสี่ยงกำไรวูบ  กดดัน “ดัชนีหุ้นไทย” ต้นปี

ปี 2568 เปิดตลาดหุ้นไทยด้วยแรงขายที่ทำดัชนีหลุด 1,400 จุดอีกครั้ง แม้จะเป็นไปตามภาวะตลาดหุ้นภูมิภาคที่ต่างปรับตัวลงเช่นเดียวกัน แต่แรงขายอย่างหนักกลับไปอยู่ที่ “หุ้นใหญ่นำดัชนี” บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA

แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกจากความต้องการชิ้นส่วนฯ และคำสั่งซื้อที่มีอย่างต่อเนื่องกลับเผชิญปัจจัยอาจกระทบกำไรตั้งปี 2568 เป็นต้นไป 

ราคาหุ้น DELTA ปรับตัวลงแรงตั้งแต่เปิดทำการซื้อขายวันแรกของปี 2568 จากแรงกดดันประเด็นภาษีบริษัทข้ามชาติตามที่กระทรวงการคลัง ประกาศเก็บภาษีบริษัทข้ามชาติขั้นต่ำ (Global Minimum Tax) 15% ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ 1 ม.ค. 2568 กับบริษัทที่มีรายได้รวมมากกว่า 750 ล้านยูโรต่อปี

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี ประเมินหุ้นกลุ่มที่เข้าข่ายคาดจะได้รับผลกระทบ อาทิ      1. กลุ่มส่งออกอาหาร คือ TU (Effective tax rate 7-8%) ส่วนที่คาดจะกระทบคือ บริษัทในเครือที่อยู่ในไทยราว 35% ที่ได้รับ BOI โดยรวมคาดกระทบต่อประมาณการกำไรปกติปี 2568 จำกัดในกรอบ 3-8% 

2.ชิ้นส่วนฯคือ DELTA (Effective tax rate 5.5%) คาดกระทบต่อประมาณการกำไรปี 2568 มี downside risk ราว 12% ในกรณีที่ effective tax rate เพิ่มสู่ 15%

และ 3. กลุ่มโรงไฟฟ้า บางส่วนปัจจุบัน Effective Tax Rate อยู่ราว 5-10% หากนับเฉพาะผลกระทบภาษีคาดกำไรสุทธิจะกระทบอยู่ระหว่าง 5-10%

4. กลุ่ม Packaging หุ้น SCGP มีธุรกิจที่เวียดนาม (14% ของรายได้) ที่อาจต้องเสียภาษีเพิ่มเติมผลกระทบต่อภาพรวมจำกัด

“กลยุทธ์หุ้นที่มีความเสี่ยงกระทบ” ส่วนใหญ่ทยอยปรับตัวลงสะท้อนตั้งแต่ต้น-กลางเดือน ธ.ค.2567 แต่หากอิงโอกาสที่รัฐบาลน่าจะต้องหาช่องทางสนับสนุนเงินคืนเพื่อลดผลกระทบ รวมถึงการบริหารภาษีภายในบริษัทต่างๆ คาดผลกระทบจะจำกัดกว่าที่ประเมินข้างต้น

เชิงกลยุทธ์แนะนำตั้งรับหุ้นที่อยู่ในกลุ่มที่เป็น New S-Curve ของไทยระยะถัดไป อาทิ โรงไฟฟ้า ที่อยู่ในธีม Infra Tech เน้น GULF GPSC

บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) อ้างอิง บทวิเคราะห์ของ  “KGI Taiwan” ยังไม่เห็นสัญญาณว่าการลงทุนใน AI จะแผ่วลงในปี 2568  เพราะธุรกิจ cloud ของ CSPs ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และ CSPs  ซึ่ง 4 เจ้าใหญ่  (Meta - Amazon -Microsoft - Google) ยังคงปรับเพิ่มงบลงทุน (CAPEX) อยู่เรื่อย ๆ  

ทางทีม KGI Taiwan จึงยังคงมองว่าอุปสงค์ AI server จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2568  จากแผนใช้งบลงทุนจํานวนมากของ CSP  หลักผ่านงบลงทุนของ CSP ทั้ง 4 เจ้าใหญ่ของสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 54% YoY  แบ่งเป็นในปี 2567 ขยายตัว 18% YoY และในปี 2568 จะขยายตัว และ 9% YoYในปี 2569  นอกจากนี้ ทางทีม KGI Taiwan ยังคงประมาณการอัตราการเติบโตของยอดจัดส่ง server โลกปี 2568  ไว้ที่ 10% และ ปี 2569 ที่ 5% ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของอุปกรณ์อื่น ๆ (PC, NB และ smartphone ซึ่งคาดว่าจะโตเพียงเลขตัวเดียวระดับต่ำถึงกลางในปี 2568-2569)

ประมาณการผลประกอบการ DELTA ไตรมาส 4 ปี 2567 กําไรจากธุรกิจหลักจะเพิ่มขึ้น YoY แต่จะลดลง QoQ  โดยคาดกําไรจากธุรกิจหลักของ DELTA ในจะอยู่ที่ 6 พันล้านบาท (+32% YoY, -3% QoQ)  ทําให้กําไรจากธุรกิจหลักในปี 2567 อยู่ที่ 2.19หมื่นล้านบาท (+28% YoY) ใกล้เคียงประมาณการกําไรเต็มปี

DELTA เผชิญเสี่ยงกำไรวูบ  กดดัน “ดัชนีหุ้นไทย” ต้นปี

คาดว่ายอดขายของ DELTAจะได้อานิสงส์จากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของ server  ซึ่งจะมีน้ำหนักมากกว่าการอ่อนตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ (ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกคาดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะยังซบเซาใน 4Q67 และ ยังต้องระวังในปี 2568จากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออํานวย) ทําให้ยอดขายใน ไตรมาส 4 ปี 2567 อยู่ที่ 1.2 พันล้านดอลลาร์ (+24% YoY, +4% QoQ)ส่งผลให้ยอดขายในปี 2567 อยู่ที่ 4.7พันล้านดอลลาร์  (+14% YoY)

ทั้งนี้ คาดว่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น QoQ และ การกลับรายการสํารองสต็อกที่มีแนวโน้มลดลงจะทําให้อัตรากําไรขั้นต้นลดลงเหลือ27.1% (+2.5ppts YoY, -0.5ppts QoQ) ในขณะที่คาดว่าสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายจะยังอยู่ในเกณฑ์สูงที่ 13.8% (จาก11.5% ใน4Q66 และ13.7% ใน3Q67) มีความเสี่ยงบางประการที่อาจจะไปหักล้างอานิสงส์จากยอดขายที่แข็งแกร่งถึงแม้ว่า DELTA จะได้อานิสงส์จากกระแสโลก 

 อย่างไรก็ตามยังมีความเสี่ยงบางประการที่จ้องจับตา ได้แก่ 1. ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในส่วนที่เกี่ยวกับค่าธรรมเนียม royalty fees และ 2.ความเสี่ยงจากการที่อัตราภาษีสูงขึ้นตาม global minimum tax rate scheme ซึ่งจะทําให้ประมาณการกําไรปี 2568 มี downside ~15%

นอกจากนี้ "ราคาหุ้นยังค่อนข้างแพง" โดยคิดเป็น PER ที่สูงถึง 79x จากประมาณการ EPS จากธุรกิจหลักปี 2568 ซึ่งคาดว่าจะโต 12% YoY ขณะที่ Valuation & action  ยังคงคําแนะนํา “ขาย” DELTA โดยประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ที่ 111.00บาท อิงจาก PER ที่ 58.0x  (ค่าเฉลี่ยในอดีต+0.5 S.D.)