วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ประเมินตลาดหุ้นไทยจะเป็นบวก หลังเลือกตั้งสหรัฐฯ

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ประเมินตลาดหุ้นไทยจะเป็นบวก หลังเลือกตั้งสหรัฐฯ

คาดตลาดหุ้นไทยจะเป้นบวกหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ ประเด็นสำคัญในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้ คือผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เราประเมินผลกระทบต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อตลาดหุ้นไทย ดังนี้

1) Trump ชนะการเลือกตั้ง : ประเมินหุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์ คือ 1) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (AMATA, WHA), 2) กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA), และ 3) กลุ่มเหมืองถ่านหินและโรงไฟฟ้าถ่านหิน (BANPU) ส่วนกลุ่มที่คาดจะเสียประโยชน์ ได้แก่ 1) กลุ่มปิโตรเคมี และ 2) กลุ่มบรรจุภัณฑ์  จากการขึ้นภาษีการนำเข้าจากจีน, 2) Harris ชนะการเลือกตั้ง : คาดจะคล้ายกับสถานการณ์ปัจจุบัน สำหรับกลุ่มที่คาดจะได้ประโยชน์ ได้แก่ 1) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (AMATA, WHA) , 2) กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA) และ 3) กลุ่ม Renewable Energy

สำหรับตลาดหุ้นเรามองมีโอกาสปรับขึ้นหลังการเลือกตั้งไม่ว่าใครจะชนะการเลือกตั้ง จากผลของค่าเงินบาทที่แข็งค่า จาก 1) ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ-ไทย แคบลง เนื่องจาก Fed มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 67 อีก 50bps และ ปี 68 อีก 100bps. ขณะที่กนง. อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ระดับเดิมในปี 67 และปรับลดอีกเพียง 25bps. ในปี 68และ 2) ผลของการ Relocation 
 

กระจายความเสี่ยงในภาวะที่ตลาดผันผวน ตลาดหุ้นปรับตัวลงเป็นวงกว้างในเดือน ต.ค. เราแนะนำ กระจายความเสี่ยงโดยแบ่งน้ำหนักการลงทุนเป็น 2 ส่วน 1) หุ้นที่อยู่ในโมเมนตัมขาขึ้นและมีแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่ง เนื่องจากเรามองว่าเป็นกลุ่มที่มีเงินทุนไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (WHA, AMATA) และ  กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, TRUE) โดยทั้งสองกลุ่มจะได้ประโยชน์จากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐ-จีน เรามองว่ามีโอกาสเห็นการเก็งกำไรหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ 2) หุ้น Laggard ที่มีโมเมนตัมของกำไรที่แข็งแกร่ง ได้แก่กลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, RATCH, EGCO) ที่จะได้รับประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และ หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว (AOT,ERW,VRANDA) ที่ราคาได้รับรู้ปัจจัยลบไปมาก


 

แนวรับถัดไป 1,430 ระยะกลางตลาดยังอยู่ในภาพของการพักฐานบริเวณ 1,430-1,450 จุด ภาพใหญ่ยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น ในขณะที่บรรยากาศการลงทุนโดยรวมเป็นภาพของการเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่แนวโน้มผลประกอบการแข็งแกร่ง ตามกลุ่มที่มีการทยอยประกาศผลประกอบการ 3Q67 หุ้นหลายตัวมีการปรับฐานตามเล็กน้อยจาก Valuation ที่ค่อนข้างตึงตัว ระยะกลางมองแนวรับที่ 1,430 จุด 

ภาพรวมกลยุทธ์ “กรอบการเก็งกำไร 1,430-1,500 จุด เลือกเก็งกำไรรายตัว สะสมหุ้นที่เข้าสู่ช่วง high season อย่างท่องเที่ยว การแพทย์ เราชอบ AOT, ERW, CENTEL, SPA, VRANDA, BCH, BDMS 2) หุ้นได้ประโยชน์การ Relocation : WHA,TRUE, INSET, ITEL, MFEC, AIT, ICN, LTS 3) หุ้นต่ำมูลค่าทางบัญชี FLOYD, IND, BC

แนวรับ: 1,430  แนวต้าน : 1,500 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

หุ้นแนะนำ  (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)

•    ADVANC* (310) : กำไรสุทธิ 3Q67 เพิ่มขึ้น yoy หนุนจากธุรกิจ FBB และคาดจะมี catalyst ใหม่ หลัง GULF เข้ามาถือหุ้นโดยตรง ตัดขาดทุน 268 บาท  
•    ERW* (6.50) : เข้าสู่ช่วง high season ของการท่องเที่ยวไทย คาดโมเมนตัมของราคาหุ้นจะปรับดีขึ้น ตัดขาดทุน 3.84 บาท
•    MEB* (42) : คาดกำไรสุทธิ 2H67 จะเติบโตเด่น yoy จำนวนผู้ใช้งาน และการซื้อสินค้าที่เพิ่มขึ้น ตัดขาดทุน 30 บาท
•    WHA* (6.50) : คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 เติบโตเด่น yoy จากอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่ง ตัดขาดทุน 5.60 บาท 

ประเด็นที่น่าสนใจ  

-    สหรัฐเผยขาดดุลการค้ามากกว่าคาดในเดือนก.ย.
-    รมว. คลัง มอง ไม่ว่าใครชนะ “เลือกตั้งสหรัฐ” ไทยจะยังได้ประโยชน์
-    BBGI และบ.ย่อย ไตรมาส 3/67 ขาดทุนสุทธิ 12.41 ลบ
-    IRPC และบ.ย่อย ไตรมาส 3/67 ขาดทุนสุทธิ 4.88 พันลบ.
-    IRPC แนะนำ “ซื้อ” เป้า 1.70 บาท/ ITC แนะนำ “ซื้อ” เป้า 28 บาท 

 

 

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

8 พ.ย. – Fed Interest Rate Decision

 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ประเมินตลาดหุ้นไทยจะเป็นบวก หลังเลือกตั้งสหรัฐฯ วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ประเมินตลาดหุ้นไทยจะเป็นบวก หลังเลือกตั้งสหรัฐฯ