กลยุทธ์การลงทุน : บล.เคจีไอฯ ข้อสังเกตจากสงครามการค้าสหรัฐฯ - จีน รอบแรก (ปี 2561-62)

กลยุทธ์การลงทุน : บล.เคจีไอฯ ข้อสังเกตจากสงครามการค้าสหรัฐฯ - จีน รอบแรก (ปี 2561-62)

ในช่วงที่เกิดสงครามการค้าปี 2561-2562 เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวมากกว่าจีน ในขณะที่ผลกระทบต่อ GDP เอเชียมีทั้งบวก และ ลบ

จากการศึกษาเหตุการณ์สงครามการค้า 1.0 ที่มีการประกาศออกมาในเดือนมีนาคม 2561 และ มีผลบังคับจริงในเดือนกรกฎาคม 2561 เราพบว่าเมื่อมีการตั้งกำแพงภาษีระหว่างกัน ผลกระทบเชิงลบที่เกิด กับ GDP สหรัฐหนักกว่าที่เกิดกับ GDP ของจีน โดยเรามองว่าการที่จีนปล่อยให้ค่าเงิน RMB อ่อนค่าลงเพื่อชดเชยอัตราภาษีที่สูงขึ้น เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยดูดซับผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนในขณะนั้น

ค่าเงินดอลลาร์ฯ ดีดตัวขึ้นตอนที่ประกาศสงครามการค้า 1.0 แต่ทรงตัวหลังวันที่มีผลบังคับใช้

ดังที่แสดงใน figure 3 ดัชนี US Dollar Index ขยับขึ้นมาประมาณ 6% ในช่วงหลังประกาศสงครามการค้าในเดือนมีนาคม 2561 ไปจนถึงช่วงที่มีผลบังคับใช้ในเดือนกรกฎาคม 2561 อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์ฯ ทรงตัวหลังวันที่มีผลบังคับใช้ เรามองว่าค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งแกร่งในปี 2561 เป็นเพราะ Fed ขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าจะเป็นเพราะผลกระทบจากการตั้งกำแพงภาษี

 

กลยุทธ์การลงทุน : บล.เคจีไอฯ ข้อสังเกตจากสงครามการค้าสหรัฐฯ - จีน รอบแรก (ปี 2561-62)

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้นในปีแรกของสงครามการค้า 1.0 แต่หลัก ๆ เป็นเพราะวัฏจักรดอกเบี้ยสหรัฐตอนนั้นมากกว่า

เรายังพบอีกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ขยับเพิ่มขึ้นจาก 2.4% เป็น 3.2%ในช่วงปีแรกที่เกิดสงครามการค้า 1.0 อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรทราบว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นในช่วงนั้นเป็นเพราะอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปี 2561 สูงขึ้นจากการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ส่วนในวัฏจักรรอบนี้ เรามองว่า FOMC และ การกำหนดดอกเบี้ยในตลาด Futures จะเป็นตัวแปรสำคัญที่กำหนดทิศทางของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ

 

 

ในส่วนของหุ้นไทย กลุ่มส่งออกอย่างเช่นอิเล็กทรอนิกส์ และ F&B ถูกกดดันในช่วงสงครามการค้า 1.0

เราทำการศึกษาการเคลื่อนไหวของหุ้นกลุ่มต่าง ๆ ในช่วงปลายปี 2560 ถึงปลายปี 2561 ซึ่งเป็นช่วงที่สงครามการค้า 1.0 ดำเนินอยู่ และ พบว่ากลุ่มพลังงาน และ ปิโตรเคมีเป็นกลุ่มที่ราคาหุ้นแข็งแกร่ง ซึ่งอาจจะสวนทางกับมุมมองของนักกลยุทธ์ในวัฏจักรรอบปัจจุบัน เป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วงปีแรกของสงครามการค้า 1.0 ราคาน้ำมัน WTi ขยับเพิ่มขึ้นประมาณ US$10/bbl จาก US$60 เป็น US$70 แต่ในอีกด้านหนึ่ง หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และ F&B กลับ under-perform เราจึงคิดว่านักลงทุนควรติดตามผลกระทบจากการเก็บภาษีของสหรัฐต่อภาคการส่งออกของไทย

สำหรับกลุ่มธนาคาร อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งสูงขึ้นอาจจะช่วยหนุนราคาหุ้นในระยะสั้น แต่ยัง
ต้องติดตามโมเมนตัม GDP และ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปี 2568

ราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร (วัดจากดัชนีกลุ่มธนาคารไทย) ขยับขึ้นมาประมาณ 3.6% ในช่วง 3 เดือนหลังจากมีข่าวสงครามการค้าออกมาในช่วงปลายปี 2560 แต่หลังจากนั้นกลับตกลงอย่างหนักตลอดช่วงห้าเดือนถัดไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2561 โดยปัจจัยลบที่กดดันกลุ่มธนาคารในช่วงนั้นได้แก่ โมเมนตัมของ GDP ที่ชะลอตัวลง และ การลดดอกเบี้ยในช่วงนั้น ส่วนในสถานการณ์ปัจจุบัน GDP ยังคงขยายตัวมาตั้งแต่ช่วง COVID-19 ในขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารยังเปราะบาง และ การเติบโตของกำไรยังเผชิญความเสี่ยงจากแรงกดดันของ NIM เรามองว่าหุ้นกลุ่มธนาคารน่าจะยังแข็งแกร่งในระยะสั้น แต่ยังต้องติดตาม GDP และ แนวโน้มดอกเบี้ยในประเทศในปี 2568

 

กลยุทธ์การลงทุน : บล.เคจีไอฯ ข้อสังเกตจากสงครามการค้าสหรัฐฯ - จีน รอบแรก (ปี 2561-62)

กลยุทธ์การลงทุน : บล.เคจีไอฯ ข้อสังเกตจากสงครามการค้าสหรัฐฯ - จีน รอบแรก (ปี 2561-62)

 

 

 

กลยุทธ์การลงทุน : บล.เคจีไอฯ ข้อสังเกตจากสงครามการค้าสหรัฐฯ - จีน รอบแรก (ปี 2561-62)

กลยุทธ์การลงทุน : บล.เคจีไอฯ ข้อสังเกตจากสงครามการค้าสหรัฐฯ - จีน รอบแรก (ปี 2561-62)

กลยุทธ์การลงทุน : บล.เคจีไอฯ ข้อสังเกตจากสงครามการค้าสหรัฐฯ - จีน รอบแรก (ปี 2561-62)