วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เลือกลงทุนกลุ่มหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ช่วงตลาดผันผวน
เน้นเลือกลงทุนรายกลุ่มเป็นหลัก ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า และผลการดำเนินงาน 3Q67 ที่ส่วนใหญ่ออกมาผิดคาด จะยังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นไทย จะยังคงผันผวน และไม่สามารถปรับขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง
ด้านตัวเลขเศรษฐกิจ สหรัฐฯ มีการรายงานอัตราเงินเฟ้อ (CPI) เดือน ต.ค. โดยภาพรวมทั้งอัตราเงินเฟ้อทั่วไป และอัตราเงินฟ้อพื้นฐานออกมาใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด ส่งผลให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่า Fed จะมีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มอีก 0.25% ในการประชุมครั้งถัดไป (17-18 ธ.ค) ประกอบกับโทนการประชุมนักวิเคราะห์ของหุ้นกลุ่มการเงินที่ออกมาดี มองเป็นโอกาสเก็งกำไรกลุ่มการเงิน อีกหนึ่งกลุ่มที่เรามองว่าน่าสนใจในช่วงที่ Fund Flow ไหลออก คือหุ้นกลุ่ม mid-small cap เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติไม่ได้มีการเข้ามาถือหุ้นมากนัก
กระจายความเสี่ยงในภาวะที่ตลาดผันผวน คาดตลาดหุ้นไทยจะยังคงผันผวนในเดือน พ.ย. เราแนะนำ กระจายความเสี่ยงโดยแบ่งน้ำหนักการลงทุนเป็น 2 ส่วน 1) หุ้นที่อยู่ในโมเมนตัมขาขึ้นและมีแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่ง เนื่องจากเรามองว่าเป็นกลุ่มที่มีเงินทุนไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, TRUE) โดยมองกลุ่มจะได้ประโยชน์จากการประมูลคลื่นรอบใหม่ จากคู่แข่งที่ลดลง ทำให้ราคาในการประมูลจะถูกลงจากการประมูลครั้งก่อน นอกจากนี้ยังเป็นกลุ่มที่มีหนี้สินค่อนข้างมาก จึงมีโอกาสที่จะได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงด้วย และ 2) หุ้น Laggard ที่มีโมเมนตัมของกำไรที่แข็งแกร่ง ได้แก่กลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, RATCH, EGCO) ที่จะได้รับประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และ หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว (AOT,ERW,VRANDA) ที่ราคาได้รับรู้ปัจจัยลบไปมาก
แนวรับถัดไป 1,440 ระยะกลางตลาดยังอยู่ในภาพของการพักฐานบริเวณ 1,430-1,450 จุด ภาพใหญ่ยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น ในขณะที่บรรยากาศการลงทุนโดยรวมเป็นภาพของการเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่แนวโน้มผลประกอบการแข็งแกร่ง ตามกลุ่มที่มีการทยอยประกาศผลประกอบการ 3Q67 หุ้นหลายตัวมีการปรับฐานตามเล็กน้อยจาก Valuation ที่ค่อนข้างตึงตัว ระยะกลางมองแนวรับที่ 1,430 จุด
ภาพรวมกลยุทธ์ “กรอบการเก็งกำไร 1,440-1,470 จุด เลือกเก็งกำไรรายตัว สะสมหุ้นที่เข้าสู่ช่วง high season อย่างท่องเที่ยว การแพทย์ เราชอบ AOT, ERW, CENTEL, SPA, VRANDA, BCH, BDMS 2) หุ้นได้ประโยชน์การ Relocation : WHA,TRUE, INSET, ITEL, MFEC, AIT, ICN, LTS 3) หุ้นต่ำมูลค่าทางบัญชี FLOYD, IND, BC
แนวรับ: 1,440 แนวต้าน : 1,470 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• ADVANC* (310) : กำไรสุทธิ 3Q67 เพิ่มขึ้น yoy หนุนจากธุรกิจ FBB และคาดจะมี catalyst ใหม่ หลัง GULF เข้ามาถือหุ้นโดยตรง ตัดขาดทุน 268.00 บาท
• COCOCO* (13) : ราคาหุ้นปรับลงมารับกำไร 3Q67 ที่อ่อนแอ ไปพอสมควรแล้ว และทำให้ valuation กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง ตัดขาดทุน 10.50 บาท
• BDMS* (33) : กำไรสุทธิ 3Q67 เพิ่มขึ้น 9% yoy หนุนจากทั้งผู้ป่วยไทย และต่างชาติ ตัดขาดทุน 25.00 บาท
• VRANDA* (7) : คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2H67 พลิกกลับมากำไร จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นทั้งในธุรกิจโรงแรม และอสังหาฯ รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น ตัดขาดทุน 5.10 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- สหรัฐเผยดัชนี CPI +2.6% เดือนต.ค. สอดคล้องคาดการณ์
- นักลงทุนเพิ่มคาดการณ์เฟดหั่นดบ. 0.25% เดือนธ.ค. หลัง CPI สอดคล้องคาดการณ์
- CCET ไตรมาส 3/67กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 684.09 ลบ
- CPALL ไตรมาส 3/67กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 5.61 พันลบ
- GFC แจ้งกำไร 9 เดือนปี 67 โต 14.22% มั่นใจโค้งสุดท้ายแนวโน้มรายได้ดีต่อเนื่อง
- GUNKUL กำไร Q3/67 โต 12.17% รับแรงหนุนธุรกิจหลักดีขึ้น เดินหน้าลุยโครงการพลังงานทดแทนตปท.
- ช่อง ONE กวาดรายได้ Q3/67 กว่า 1.8 พันล้านบาท โต 4.4%
- CPALL แนะนำ “ซื้อ” เป้า 85 บาท/ HANA แนะนำ “ซื้อ” เป้า 48 บาท/ PLANB แนะนำ “ซื้อ” เป้า 9 บาท/ PTT แนะนำ “ซื้อ” เป้า 38 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
15 พ.ย. – JP GDP Growth Rate (3Q67)