วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก MSCI Rebalance
วันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนี Rebound หลังปรับตัวลงแรงเมื่อวันพฤหัสบดี โดยมีแรงหนุนจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้องวินิจฉัย “ทักษิณ-เพื่อไทย” ปมล้มล้างการปกครอง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น หนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน
อย่างไรก็ตามความกังวลสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนออกไปก่อน ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,446.30 ลบ. +5.84 ลบ. +0.41% มูลค่าการซื้อขาย 45,655 ลบ. (ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี +3.67 จุด 0.25%) Program Trading +881 ลบ. ต่างชาติ -118 ลบ. TFEX +16,999 สัญญา ตราสารหนี้ +1,312 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 426.16 จุด หรือ +0.97% ได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างแข็งแกร่งในสหรัฐฯ โดยทั้งดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์ หรือ +1.6% สู่ระดับ 71.24 ดอลลาร์/บาร์เรล แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากการทำสงครามที่รุนแรงขึ้นในยูเครนหนุนค่าพรีเมียม ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์
+ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.3 ในเดือนพ.ย. สูงสุดในรอบ 31 เดือน จากระดับ 54.1 ในเดือนต.ค.
+ รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 39 ล้านล้านเยน (ประมาณ 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคท่ามกลางภาวะราคาสินค้าและบริการที่พุ่งสูงขึ้นที่มาจากเงินเยนที่อ่อนค่าลง
+ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ยอดส่งออกของจีนจะพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากการที่กลุ่มลูกค้าในต่างประเทศของจีนจะเร่งสั่งซื้อสินค้า ก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเมื่อเขาเข้ารับตำแหน่งในเดือนม.ค.ปีหน้า
ปัจจัยลบ
- ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เปิดเผย ว่า สงครามยูเครนกำลังทวีความรุนแรงขึ้นไปสู่ความขัดแย้งระดับโลก หลังจากที่สหรัฐฯ และอังกฤษยินยอมให้ยูเครนโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซียด้วยอาวุธจากทั้งสองประเทศ และเตือนบรรดาชาติตะวันตกว่า รัสเซียพร้อมจู่โจมกลับ
- สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) ของทางการเกาหลีเหนือ รายงานว่า คิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ กล่าวว่า เกาหลีเหนือได้พยายามอย่างสุดความสามารถแล้วในการเจรจากับสหรัฐอเมริกา แต่เป็นเพียงเครื่องยืนยันว่าสหรัฐฯ ดำเนินนโยบายเป็นปรปักษ์ต่อเกาหลีเหนืออย่างไม่เปลี่ยนแปลง
- ตลท. สรุปมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตามกลุ่มนักลงทุนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-22 พฤศจิกายน 2567 พบว่าสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 39,992.75 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 1,228.44 ล้านบาทนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 133,190.12 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิ 91,968.93 ล้านบาท
- สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นเรื่อง "รัฐบาลแพทองธาร กับ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ" พบว่ากลุ่มตัวอย่างกังวลว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลแพทองธารอาจก่อให้เกิดภาระหนี้สาธารณะ
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยมีแรงหนุนจากนักลงทุนคลายกังวลประเด็นการเมืองหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้องวินิจฉัย “ทักษิณ-เพื่อไทย” ปมล้มล้างการปกครอง ขณะที่วันนี้จะมีการปรับน้ำหนักดัชนี MSCI มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,440-1,455 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการที่ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง : AMATA WHA ROJNA TLI BLA DELTA HANA
• MSCI Rebalance (ใช้ราคาปิด25 พ.ย.) : MSCI Global Standard : เข้า - ออก SCGP MSCI Global Small Cap : เข้า CCET ออก TQM
• รัฐเตรียมแจกเงิน 10,000 บาทให้กลุ่มผู้สูงวัย : CPALL CPAXT BJC TNP
หุ้นรายงานพิเศษ
BDMS "ซื้อ" (Bloomberg Consensus 36 บาท มี Upside 37%)
"มุมมองเป็นกลางต่อ 4Q67 คาดหดตัว QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล และโตเล็กน้อย YoY จากฐานสูง
•งวด 3Q67 มีกำไร 4,246 ลบ. +9%YoY +27%QoQ (ตามตลาดคาด) โดยมีรายได้จากกิจการโรงพยาบาล 27,108 ลบ. +6%YoY +10%QoQ เติบโตจากทั้งผู้ป่วยชาวไทย (สัดส่วน 74%) +6%YoY และต่างชาติ (สัดส่วน 26%) +8%YoY อาทิ Qatar, China และ UAE เป็นต้น รวมทั้งการเติบโตของ รพ.ในจังหวัดท่องเที่ยว อาทิ เชียงใหม่ พัทยา และ ภูเก็ต เป็นต้น ส่วน %EBITDA เร่งขึ้นมาที่ระดับ 25.0% (3Q66 = 24.7%, 2Q67 = 22.1%) โดยหลักมาจากการควบคุมประสิทธิภาพการดำเนินงาน ประกอบกับรายได้ที่ปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ 9M67 มีกำไร 11,654 ลบ. +12%YoY
•ความเห็น เรามีมุมมองเป็นกลางต่อ 4Q67 คาดผลประกอบการหดตัว QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล และโตเล็กน้อย YoY จากฐานสูงช่วงปลายปีก่อนที่มีโรคระบาด ส่วนประเด็นผู้ป่วยคูเวตยังไม่มีความชัดเจนจากเดิมคาดได้ข้อสรุปช่วง 4Q67 ขณะเดียวกัน ผู้บริหารปรับเป้ารายได้ทั้งปี 67 ลดลงเหลือเติบโต 7-8% จากเดิม 10% อย่างไรก็ตาม เราชื่นชอบการเติบโตระยะยาวจากความพร้อมของ Capacity ในการรองรับผู้ป่วย การขยายรพ.ใหม่ 3 แห่งในปี 68 การขยายฐานผู้ป่วยในแหล่งท่องเที่ยว รวมทั้งกลุ่มผู้ป่วยประกันสังคมที่ตั้งเป้าผู้ประกันตน 1 ล้านรายในปี 68 (ปัจจุบัน 9.2 แสนราย) ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 67 ราว 15,843 ลบ. +10%YoY (9M67 คิดเป็น 74%) และราคาเหมาะสม 36 บาท มี Upside 37% นอกจากนี้ ปัจจุบันซื้อขายที่ PE เพียง 27x ต่ำกว่าระดับ 29x (-1SD ของค่าเฉลี่ย 5 ปี) แนะนำ "ซื้อ"
หุ้นมีข่าว
(+) MC (Bloomberg Consensus 13.10 บาท) ยอดขายฟื้นแววไตรมาส 2/2568 (สิ้นสุด ธ.ค.2567) ดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน แจกเงินหมื่นหนุนกำลังซื้อ เป้ารายได้ปีนี้โตสองหลัก เผยสมาชิกออนไลน์เร่งตัวสิ้นปีแตะ 2 ล้านราย วางงบรวม 50 ล้านบาท ปรับปรุงสาขา ขณะที่กำไรบรรทัดสุดท้ายรับผลบวกลดภาษีต่ออีกไตรมาส (ที่มา ทันหุ้น)
(+) ORI (Bloomberg Consensus 4.32 บาท) ตุนแบ็กล็อกกว่า 4.7 หมื่นล้านบาท ทยอยรับรู้ต่อเนื่อง 2-3 ปีข้างหน้า เผยมีโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอน 3 โครงการ ช่วงไตรมาส 4/2567 นี้ แถมเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มอีก 10 โครงการ มูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ย้ำเป้ายอดขายปีนี้ตามเป้า 35,000 ล้านบาท รุกขยายตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น (ที่มา ทันหุ้น)
(+) LTS (Bloomberg Consensus 12.90 บาท) แตกไลน์ธุรกิจใหม่ มุ่งสู่สมาร์ท และ AI พร้อมเร่งขยายฐานตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ พัฒนาแพลตฟอร์ม Live Commerce ยกระดับลูกค้าในโลกดิจิทัล โชว์ผลงานไตรมาส 3/2567 โดดเด่น กวาดกำไร 21.1 ล้านบาท พุ่งขึ้น 35.51% หลังรับรู้รายได้ตามแผน (ที่มา ทันหุ้น)
(+) GULF (Bloomberg Consensus 64.75 บาท) คาดรายได้ปี 68 โต 15-20% จากปีนี้ที่โต 25% เหตุโรงไฟฟ้า COD เพิ่มเกือบ 1.5 พันเมกะวัตต์-รับรู้ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์เฟสแรก เม.ย. เผยหลังควบรวม มีกำไรเพิ่มปีละ 3 พันล้านบาท - กระแสเงินสดเพิ่มปีละ 6 พันล้านบาท เหตุถือหุ้นตรงใน ADVANC เพิ่มเป็น 40% แย้มอยู่ระหว่างศึกษาซื้อแหล่งก๊าซ LNG-ลงทุนเรือขนส่ง ทุ่มงบลงทุน 2 หมื่นล้านบาท พัฒนาโรงไฟฟ้าที่มี PPA แล้ว (ที่มา ทันหุ้น)