วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ การฟื้นตัวของหุ้น SET50 ยังหนุนการแกว่งตัวเชิงบวก

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ การฟื้นตัวของหุ้น SET50 ยังหนุนการแกว่งตัวเชิงบวก

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยต่อเนื่องยังเป็นปัจจัยหลักหนุนจิตวิทยาการลงทุนโดยรวม เอสแอนด์พี โกลบอล เปิดเผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ พ.ย. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.3

ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 31 เดือน จากต.ค. ที่ระดับ 54.1 ทั้งนี้ภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งประกอบกับความคาดหวังถึงการปรับลดดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเป็นปัจจัยหนุนต่อบรรยากาศลงทุนโดยรวม 

แม้มีแรงถ่วงจาก DELTA แต่กลุ่มหุ้นใน SET50 เริ่มมีสัญญาณบวกของการฟื้นตัว แม้ภาพรวมหุ้นไทยยังเพียงแกว่งตัวออกข้าง และมีแรงกดดันจากหุ้น DELTA อย่างไรก็ตาม จำนวนหุ้นใน SET50 ณ 22 พ.ย. เริ่มยืนเหนือเส้นค้าเฉลี่ย 20 วันเพิ่มขึ้นเป็น 29 ตัว (58%) จากวันก่อนหน้า 21 พ.ย. ที่เพียง 17 ตัว (34%) และดีกว่า 12 พ.ย. (จุดต่ำสุดใกล้กัน) ที่เพียง 5 ตัว (10%) ซึ่งจำนวนหุ้นที่ยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 20 วันมากกว่า แสดงถึงภาพรวมหุ้นแข็งแรงกว่า และมีโอกาสรีบาวนด์หรือฟื้นตัวในระยะสั้นที่ดีกว่า โดยประเมินหุ้นใหญ่กลุ่มพลังงานและธนาคาร น่าจะเป็นกลุ่มหลักที่ช่วยประคองบรรยากาศเก็งกำไรในช่วงนี้

ท่องเที่ยวยังน่าสนใจจากการฟื้นต้นรอบ รมว.ท่องเที่ยว เผยรัฐบาลตั้งเป้าปี 68 ท่องเที่ยวแตะ 40 ล้านคน ทำรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 3.4 ล้านล้านบาท  โดยรัฐบาลได้ประกาศเป็น ไทยแลนด์ แกรนด์ สปอร์ต ทัวริซึ่ม ในรูปแบบการทำให้อีเวนต์ต่าง ๆ เป็นอีเวนต์ระดับโลก เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้าประเทศไทยมากขึ้นในปีหน้า ทำให้เรายังมองท่องเที่ยวที่กำลังเข้าสู่ high season ของผลประกอบการ เป็นกลุ่มที่มีอัพไซด์น่าสนใจ 

 

ภาพรวมกลยุทธ์ “เลือกเก็งกำไรรายตัว ให้น้ำหนักกับหุ้นที่โมเมนตัมผลประกอบการดีไปถึงไตรมาส 1/68 เราชอบกลุ่มท่องเที่ยว, การแพทย์, ค้าปลีก โดยคาดพลังงานและธนาคาร จะเป็นกลุ่มช่วยประคองบรรยากาศรวม // อาจเลือกหุ้นที่ได้แรงหนุนจากรายจ่ายภาครัฐ ได้แก่ SYNEX, SIS, SAMART, CSS, CK, STECON

แนวรับ: 1,432-1,438  แนวต้าน : 1,455 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

หุ้นแนะนำ  (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)

•    PTTEP* (136) : ผลประกอบการช่วงสั้นคาดไม่มีปัจจัยลบขนาดใหญ่ ขณะที่อาจมีแรงหนุนจากปัจจัยภูมิรัฐศาตร์ที่เข้มข้นขึ้น และความคืบหน้าการเจาจาพื้นที่ทับซ้อน (OCA) ตัดขาดทุน 120 บาท 
•    CPN* (66) : ผลการดำเนินงานเข้า high season และได้แรงหนุนจากมาตรการเพิ่มกำลังซื้อและกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐในช่วงปลายปี-ต้นปี ตัดขาดทุน 60.75 บาท  
•    SAMART* (9) : ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจนในช่วง 2567-68 ทั้งจากการใช้จ่ายภาครัฐ และการกลับมาเริ่มมีกำไรของบ.ลูกอย่าง SDC ตัดขาดทุน 7.45 บาท 
•    ERW* (4.60) : ผลการดำเนินงานเข้า high season และได้ประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตัดขาดทุน 4.02 บาท

ประเด็นที่น่าสนใจ 

-    ก.ล.ต.เกาะติดคดี “หมอบุญ” เตรียมดำเนินการหากพบทำผิดพ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ
-    ดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการสหรัฐพุ่งสูงสุดรอบ 31 เดือนในพ.ย
-    มติ ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติไม่รับคำร้องวินิจฉัย “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย”
-    AOT คาดผู้โดยสารยังเป็นขาขึ้นงวดปี 68 แตะ 130 ล้านคน นทท.ต่างชาติทะลัก
-    SABINA ให้ข้อมูล Opp Day รายได้ 9 เดือนปี 67 โต 4.4% มั่นใจปัจจัยบวกหนุนไตรมาส 4 จนถึงปีหน้าโตต่อเนื่อง
-    AOT แนะนำ “ซื้อ” เป้า 70 บาท/ STECON แนะนำ “ถือ” เป้า 8.60 บาท

ปัจจัยที่ต้องติดตาม 

25 พ.ย. – TH Exports (Oct)

 


 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ การฟื้นตัวของหุ้น SET50 ยังหนุนการแกว่งตัวเชิงบวก วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ การฟื้นตัวของหุ้น SET50 ยังหนุนการแกว่งตัวเชิงบวก