วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ CK รายได้ปี 2567F-2569F เป็นช่วงขาขึ้น
เรามองกำไร 4Q67F และ 1Q68F อาจชะลอตัวจากไม่มีเงินปันผลรับ เป็นช่วง low season ของ CK Power (CKP.BK/CKP TB)* และ Bangkok Expressway & Metro (BEM.BK/BEM TB)*
รวมถึงมีความเป็นไปได้ของการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่โครงการพลังน้ำเขื่อนหลวงพระบางจากค่าเงินบาทอ่อนค่าเทียบดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ดี เรามองแนวโน้มรายได้ระยะยาวเป็นบวกอยู่ ขณะที่ ปัจจุบันรายได้หลักมาจากโครงการพลังน้ำเขื่อนหลวงพระบางใน สปป.ลาว รถไฟฟ้าสายสีม่วง (ฝั่งใต้) รถไฟทางคู่-เด่นชัย โดยมีมูลค่างานเหลือสูงที่ 6.3 หมื่นลบ./1.2 หมื่นลบ. /1.8 หมื่นลบ. ตามลำดับ อีกทั้งปี 2568F-2569F CK จะเริ่มรับรู้รายได้จากงานโยธาที่ได้รับใหม่มูลค่า 8.25 หมื่นลบ.และงานระบบ (M&E) มูลค่า 2.67 หมื่นลบ.ของรถไฟฟ้าสายสีส้ม และโครงการทางด่วนยกระดับมูลค่า 3.5 หมื่นลบ. ในขณะที่ CK ยังคาดอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นจากโครงการใหม่ ๆ ที่มีอัตรากำไร (margin) สูงกว่าโครงการเดิม ดังนั้นเราคาดอัตราการเติบโตกำไรเป็นเลขสองหลักราว 15-20% ต่อปีในช่วงปี 2567F-2569F
งานในมือ (backlog) ยังสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
งานในมือของ CK ณ ปัจจุบันมีสูงถึง 2.20 แสนลบ. โดย 50% มาจากรถไฟฟ้าสายสีส้ม 30% จากโครงการพลังน้ำเขื่อนหลวงพระบาง อีกทั้ง เราคาดว่า CK ได้ร่วมกับ BEM จะลงนามโครงการทางด่วนยกระดับมูลค่า 3.5 หมื่นลบ.ใน 1Q68F ส่งผลให้ backlog ใกล้สู่ 2.50 แสนลบ.ซึ่งเพียงพอที่จะเป็นหลักประกันรายได้ของ CK ในอีก 5-6 ปีข้างหน้า หากนับจากโครงการต่าง ๆ ที่ CK มีอยู่ รายได้ของ CK จากโครงการหลวงพระบางยังคงแข็งแกร่งจนถึงปี 2570F ที่ 1.60 -1.80 หมื่นลบ.ต่อปี หลังจากนั้นรายได้ต่อปีจากโครงการหลวงพระบางจะลดลงอย่างมากในช่วงก่อสร้างระยะสุดท้ายตั้งแต่ปี 2571F ถึง 2572F ทั้งนี้ โครงการนี้จะเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2573F
ตั้งเป้าหมายได้โครงการภาครัฐใหม่มูลค่ารวมสูงถึง 4.94 แสนลบ.ในปี 2568
โครงการต่าง ๆ ประกอบด้วยรถไฟฟ้าสายสีแดงสามเฟสมูลค่ารวม 6.60 หมื่นลบ. โครงการรถไฟทางคู่ 6 โครงการ มูลค่ารวม 2.46 แสนลบ. โครงการถนน 4 โครงการ (รวมทางด่วนยกระดับมูลค่า 3.50 หมื่นลบ.) มีมูลค่ารวม 1.20 แสนลบ. และโครงการสนามบิน 3 โครงการมูลค่ารวม 6.20 หมื่นลบ. ทั้งนี้ โครงการส่วนใหญ่ถูกเสนอไว้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแล้วแต่ยังคงรอการอนุมัติจากรัฐบาล (Figure 2)
Valuation & Action
เราปรับประมาณการเล็กน้อยสำหรับปี 2567F-2568F ส่งผลให้อัตราการเติบโตของกำไร 18% YoY ในปี
2567F, 15% ในปี 2568F และ 20% ในปี 2569F (Figure 1) ตามสมมติฐานใหม่ของเรา ราคาเป้าหมายของ CK จะเพิ่มขึ้นที่ 23.00 บาท จากเดิม 21.40 บาท แม้จะใช้ discounted PE ปี 2568F ของระดับค่าเฉลี่ย -1 S.D. ที่ 19x ทั้งนี้ การปรับตัวลงของราคาหุ้น CK ทำให้มี upside อีกราว 25% จากราคาเป้าหมายใหม่ของเรา ดังนั้นเราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำหุ้น CK ขึ้นเป็น "ซื้อ" จากถือ
Risks
ความรวดเร็วในอัตราการเติบโตของ GDP ความล่าช้าจากการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีและการเริ่มดำเนินการโครงการใหม่ ๆ การแก้ไขสัญญาต่าง ๆ การปรับเปลี่ยนฎระเบียบต่าง ๆ การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย การปรับเพิ่มค่าแรงงานขั้นต่ำขึ้น และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินกู้สกุลเงินสหรัฐเป็นหลักของโครงการเขื่อนหลวงพระบางและของ CKP