วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway
วันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหว Sideway ออกข้าง มีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้น PTT และ OR หลังออกมายืนยันความโปร่งใสปมซื้อขายไบโอดีเซลผิดปกติ ประกอบกับมีแรงซื้อในหุ้น CPAXT เป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตามมีแรงขายมากในหุ้น GULF และ DELTA ทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นได้อย่างจำกัด นอกจากนี้มีแรงกดดันเพิ่มเติมจากความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,427.54 จุด -0.47 จุด -0.03% มูลค่าการซื้อขาย 40,195.91 ลบ. (ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี -18.76 จุด -1.29% และในเดือนที่ผ่านมาดัชนี -23.62 จุด -1.63%) Program Trading -2,116.77 ลบ. ต่างชาติ -1,283.72 ลบ. TFEX -1,775 สัญญา ตราสารหนี้ +2,932.37 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 188.59 จุด หรือ +0.42% ที่ระดับสูงสุด เป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อาทิ หุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ขณะที่หุ้นกลุ่มค้าปลีกได้รับความสนใจเนื่องจากฤดูกาลชอปปิงช่วงวันหยุดได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในสหรัฐฯ ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีดาวโจนส์บวก 1.39%
+ รัฐบาลจีนประกาศนโยบายลดภาษีเหลือศูนย์ให้แก่สินค้าทุกประเภทที่มาจากประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (LDC) ที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน มีผลตั้งแต่ 1 ธ.ค.67 โดยจีนเป็นประเทศกำลังพัฒนาและประเทศเศรษฐกิจใหญ่รายแรกที่ประกาศนโยบายดังกล่าว
ปัจจัยลบ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 72 เซนต์ หรือ -1.05% ปิดที่ 68.00 ดอลลาร์/บาร์เรล ตลาดคลายกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านอุปทานน้ำมันที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ และมีแนวโน้มว่าปริมาณน้ำมันจะเพิ่มขึ้นในปี 2568 แม้คาดว่ากลุ่มโอเปคพลัสจะยังคงปรับลดการผลิตต่อไปก็ตาม
- ผู้นำรัสเซียเตือนว่ากองทัพรัสเซียกำลังเลือกเป้าหมายในยูเครนเพื่อปฏิบัติการโจมตีเพิ่มเติมโดยใช้ขีปนาวุธพิสัยกลางความเร็วเหนือเสียง โอเรชนิก (Oreshnik)
- จีนประกาศว่าจะใช้มาตรการตอบโต้อย่างรุนแรงและเด็ดขาดเพื่อปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง หลัง กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ อนุมัติขายอาวุธยุทโธปกรณ์ให้แก่ไต้หวันมูลค่า 385 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมถึงอะไหล่สำหรับเครื่องบินขับไล่ F-16 และเรดาร์
- โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตือนว่าประเทศสมาชิกกลุ่มบริกส์ (BRICS) ไม่ควรคิดสร้างสกุลเงินใหม่หรือสนับสนุนสกุลเงินอื่นแทนที่สกุลเงิน ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อไม่ต้องเผชิญกับการเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 100%
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สรุปมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตามกลุ่ม นักลงทุนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-29 พฤศจิกายน 2567 พบว่าสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 40,111.22 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 2,467.77 ล้านบาท นักลงทุน ต่างประเทศขายสุทธิ 137,472.21 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิ 94,893.21 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยยังขาดปัจจัยใหม่เข้ากระทบตลาด นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ และนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐ มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,420-1,435 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการที่ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง : AMATA WHA ROJNA TLI BLA DELTA HANA
• รัฐเตรียมแจกเงิน 10,000 บาทให้กลุ่มผู้สูงวัย : CPALL CPAXT BJC TNP
• สินค้าส่งออกเดือน ต.ค. ที่เติบโตดี : STA NER TFG MALEE ITC AAI
หุ้นรายงานพิเศษ
CPALL <ซื้อ> (Bloomberg Consensus 81.00 )
"งวด 3Q67 กำไรสุทธิ +27%YoY, -10%QoQ"
•งวด 3Q67 บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 5,608 ลบ. +27%YoY, -10%QoQ โดยมีรายได้รวม 241,282 ลบ. +7%YoY, -3%QoQ การเติบโต YoY สาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้าของทุกกลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วยธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ธุรกิจค้าส่งค้าปลีก ตามการบริโภคภายในประเทศที่ขยายตัว จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมถึงการท่องเที่ยวที่ยังคงปรับตัวดีขึ้น โดยธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS) มี SSSG เติบโต +3.3%YoY มีอัตรากำไรขั้นต้น (%GPM) ที่ระดับ 22.7% เพิ่มขึ้นจาก 22.4% ในงวด 2Q67 และระดับ 21.8% ในงวด 3Q66 %GPM ทรงตัวในระดับสูงสาเหตุหลักยังคงเป็นเรื่องของสัดส่วนยอดขายกลุ่มสินค้ากลุ่มอาหาร อย่างกลุ่ม Ready to Eat รวมถึงกลุ่ม Personal Care ที่มี Margin สูงเพิ่มขึ้น ในขณะที่ยอดขายของบุหรี่ที่มี Margin ต่ำลดลง จากกลยุทธ์ที่บริษัทสามารถนำเสนอสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า มีการเปิดสาขาใหม่จำนวน 199 สาขา ทำให้ ณ สิ้นงวด 3Q67 มีสาขารวม 15,053 สาขา กำไรในช่วง 9M67 เท่ากับ 18,167 ลบ. +40%YoY
•ความเห็น ฝ่ายวิจัยยังคงมีมุมมองบวกต่อผลการดำเนินงานงวด 4Q67 คาดเติบโตทั้ง QoQ, YoY เนื่องจากเป็นช่วง High season โดย QTD ธุรกิจร้านสะดวกซื้อยังคงมี SSSG เป็นบวก และคาดว่าบริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลการดำเนินงานทั้งปี 67 เติบโตต่อเนื่อง จากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยหนุนต่อผลประกอบการ โดย Bloomberg Consensus คาดการณ์กำไรปี 67 ราว 23,790 ลบ. +28%YoY คาดการณ์ปี 68 ราว 26,869 ลบ. +13%YoY กำไรในช่วง 9M67 คิดเป็นสัดส่วน 76% ของประมาณการปี 67 โดยมีราคาเหมาะสม Consensus 81.00 บาท Upside ราว 32% เราจึงแนะนำ “ซื้อ”
หุ้นมีข่าว
(+) OR (Bloomberg Consensus 17.00 บาท) เชื่อผลงานปี 2568 โตจากปีนี้ เหตุท่องเที่ยวหนุนปริมาณการขาย พร้อมมุ่งควบคุมต้นทุน เฮดจิ้งราคาน้ำมันดิบรับมือความผันผวน เพื่อประสิทธิภาพดำเนินงาน ดันมาร์จิ้นอยู่ระดับเหมาะสม เตรียมชงบอร์ดไฟเขียวงบลงทุน 5 ปี ต้นธันวาคมนี้ เบื้องต้นรุกขยายกัมพูชาโอกาสโตเด่น เล็งลงทุนธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่ม มาแทน เท็กซัส ชิคเก้น ชัดกลางปีหน้า แจงอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลผู้เผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนทำลายชื่อเสียงผู้บริหาร-บริษัท เพื่อดำเนินการทางกฎหมาย (ที่มา ทันหุ้น)
(+) SIRI (Bloomberg Consensus 2.12 บาท) รุกหนักอสังหาภูเก็ต กางแผน 5 ปี เปิด 49 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 2.5 หมื่นล้านบาท เชื่อดีมานด์ซื้ออสังหาภูเก็ตจากลูกค้าไทยและต่างชาติเติบโตต่อเนื่อง หนุนจากการเป็นเมืองท่องเที่ยว ดันพอร์ตยอดขายต่างจังหวัดขยายตัวเพิ่มขึ้น ระบุ 11 เดือนปีนี้ โต 150% อยู่ที่ 9,600 ล้านบาท ล่าสุดเปิดโครงการ The socity มูลค่า 100 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)
(+) WICE (Bloomberg Consensus 6.60 บาท)กางแผนปี 2568 เดินหน้าขยายตลาดใหม่ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจีน ขณะนี้บริษัทได้ขยายไปในประเทศฟิลิปปินส์และจีนแล้ว คาดมีรายได้ราว 100-150 ล้านบาท แถมเล็งรับรู้รายได้ธุรกิจขนส่งชีวมวล และเมล็ดกาแฟ เพิ่มขึ้น รวมถึงขยายคลังสินค้าและเพิ่มศักยภาพบริการ รองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง (ที่มา ทันหุ้น)
(+) BAFS (Bloomberg Consensus 19.75 บาท)คาดผลงานปี 2568 รายได้เติบโต 8% จากปี 2567 เนื่องจากได้รับอานิสงส์ยอดขายน้ำมันอากาศยานพุ่ง และไฮซีซันท่องเที่ยวหนุน พร้อมส่งสัญญาณโค้งส่งท้ายปี 2567 ธุรกิจเติมน้ำมันอากาศยานสดใส ลุยจัดทัพเดินหน้าโมเดล SAF หวังสยายปีกต่อยอดธุรกิจเพิ่ม (ที่มา ทันหุ้น)