วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ความผันผวน (ทั้งขึ้นและลง) ในช่วงสัปดาห์นี้ เป็นโอกาสซื้อ

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ความผันผวน (ทั้งขึ้นและลง) ในช่วงสัปดาห์นี้ เป็นโอกาสซื้อ

ปัจจัยภายนอกไม่มีเรื่องใหม่ ตลาดเริ่มมองไปยังการประชุมธนาคารกลางต่างๆในช่วง 2-3 สัปดาห์หน้า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปฟื้นตัว ด้วยกลุ่มเทคโนโลยี

นอกจากความคาดหวังว่านโยบายจำกัดการขายอุปกรณ์เซมิคอนดัคเตอร์และชิปหน่วยความจำ AI ให้จีน อาจไม่เข้มงวดเท่ากับที่เคยคาดไว้ ตลาดเริ่มมองไปยังการลดดอกเบี้ยต่อเนื่องของการประชุมธนาคารขนาดใหญ่ อาทิ ECB (12 ธ.ค.), FED (13 ธ.ค.) ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 19 ธ.ค. 

ติดตามการประชุมโอเปค 5 ธ.ค. หากเลื่อนแผนปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเป็น ก.พ.68 มีโอกาสเป็นปัจจัยหนุน SET ฟื้นตัว: สัปดาห์นี้ ติดตาม/การประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) และชาติพันธมิตร 5 ธ.ค. (ถูกเลื่อนจากเดิม 1 ธ.ค.) โดยมีการคาดการณ์ว่าโอเปคพลัสจะมีมติเลื่อนแผนการปรับเพิ่มกำลังการผลิตไปเป็น ก.พ.68 หลัง 8 ชาติสมาชิกที่ปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจประกาศขยายเวลาลดกำลังการผลิตไปถึงสิ้นธ.ค. 67 (จากเดิมสิ้น พ.ย.67) ทั้งนี้ปัจจุบันตัวเลขการลดกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 5.86 ล้านบาร์เรล/วัน (โอเปคพลัส 3.66 + 8 ชาติสมาชิก 2.2) // หากโอเปคพลัสตัดสินใจเลื่อนการเพิ่มกำลังการผลิต จะช่วยให้ราคาน้ำมันดิบทรงตัวและลดความเสี่ยงต่อการปรับลดประมาณการกำไรบจ.ไทย ซึ่งเรามองเป็นปัจจัยหนุน SET ฟื้นตัว 
 

ความผันผวนในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ เป็นโอกาสทยอยสะสมหุ้นที่โมเมนตัมผลประกอบการในช่วง 4Q67-1Q68 แข็งแกร่ง: การปรับลดลงของหุ้นไทยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งมาจากผลประกอบการ 3Q67 ที่อ่อนแอ แต่หากมองข้ามไปอีก 2 ไตรมาส เรามองเห็นหลายอุตสาหกรรมที่มีโมเมนตัมกำไรแข็งแกร่ง และมีปัจจัยหนุนด้านฤดูกาล ได้แก่ 1) ท่องเที่ยว ปีหน้ามีแคมเปญ Amazing Thailand Grand Tourism & Sports Year 2025 เป้าหมายนักท่องเที่ยว 38-39 ล้านคน 2) ค้าปลีก แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคและเพิ่มกำลังซื้อ 3) การเงินและธนาคาร ผลการตั้งสำรองหนักมาตลอดปี ทำให้มีโอกาสที่กำไรไตรมาสนี้จะดีกว่าตลาดคาดจากการตั้งสำรองที่ลดลง 

 

 

4) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายภาครัฐ โดยหุ้นที่เราชอบได้แก่ AOT, ERW, SPA, DUSIT, CPALL, CPAXT, TNP, MTC, TIDLOR, KBANK, SAMART, SAMTEL, SYNEX, SIS  

ภาพรวมกลยุทธ์   “แกว่งตัวในกรอบ 1,410-1,438 จุด เป็นโอกาสทยอยซื้อ ให้น้ำหนักกับหุ้นที่โมเมนตัมผลประกอบการดีไปถึงไตรมาส 1/68 เราชอบกลุ่มท่องเที่ยว, การแพทย์, ค้าปลีก โดยคาดธนาคาร และการเงิน จะเป็นกลุ่มช่วยประคองบรรยากาศรวม // หุ้นที่ได้แรงหนุนจากรายจ่ายภาครัฐ ได้แก่ SYNEX, SIS, SAMART, CSS, CK, STECON // ผู้ต้องการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีควรทยอยซื้อ RMF, SSF, Thai ESG

แนวรับ: 1,405-1,423  แนวต้าน : 1,433-1,438 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

หุ้นแนะนำ  (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
•    CPAXT* (37) : ผลการดำเนินงานอยู่ในโมเมนตัมของการปรับประมาณการกำไรขึ้น การปรับ LPF เป็น AXTRART ทำให้มีเงินในการซื้อสินทรัพย์เพิ่มเติม ช่วยปรับสถานะทางการเงินของ CPAXT  ตัดขาดทุน 33.25 บาท  
•    TNP* (4.10) : ผลการดำเนินงานเข้า high season ไตรมาส 4/67 ราคาปัจจุบันซื้อขายที่เพียง PER 16x และยังมีโอกาสได้แรงหนุนจากนโญบายรัฐ ตัดขาดทุน   3.52 บาท 
•    TMAN* (18) : ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ราคาเหมาะสมเฉลี่ย IAA Consensus อยู่ที่ 25.13 บาท ตัดขาดทุน 16 บาท 
•    OKJ* (17) : เก็งกำไรหุ้นยัง underowned ในช่วงแรกของการเข้า IPO และราคาหุ้นยืนเหนือแนวรับสำคัญ ตัดขาดทุน 15.30 บาท

ประเด็นที่น่าสนใจ

-   เงินเฟ้อยูโรโซน พุ่งแตะ 2.3% ตามคาด หนุน ECB หั่นดอกเบี้ย
-    ญี่ปุ่นเผยเงินเฟ้อพื้นฐานในโตเกียวพุ่ง 2.2% ในเดือนพ.ย. ส่งสัญญาณ BOJ ขึ้นดอกเบี้ย
-    สหรัฐฯประกาศเก็บภาษีนำเข้าแผงโซลาร์จาก 4 ประเทศอาเซียนรวมไทย
-    ธุรกิจโรงแรมโค้งสุดท้ายคึกคัก รับไฮซีซั่น เชื่อโมเมนตัมดีต่อเนื่องปี 68
-    ครม.ไฟเขียวต่ออายุค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีแดง-สีม่วง 20 บ. ตลอดสาย
-    CK ทุ่ม 3 พันล้านบาท ซื้อหุ้นคืน 130 ล้านหุ้น เริ่ม 2 ธ.ค.67-1 มิ.ย.68
-    Dusit Central Park ปิดการขาย Residences กว่า 85% คาดส่งมอบปลายปี 68
-    BCH คงคำแนะนำ “ซื้อ” เป้า 20.00 บาท

ปัจจัยที่ต้องติดตาม 

2 ธ.ค. – US ISM Manufacturing PMI (Nov)

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ความผันผวน (ทั้งขึ้นและลง) ในช่วงสัปดาห์นี้ เป็นโอกาสซื้อ วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ความผันผวน (ทั้งขึ้นและลง) ในช่วงสัปดาห์นี้ เป็นโอกาสซื้อ