โอกาสเข้าถึงหุ้น 'Nasdaq' กับ 'Webull' ด้วยข้อมูล 'เชิงลึกและเรียลไทม์'

โอกาสเข้าถึงหุ้น 'Nasdaq' กับ 'Webull' ด้วยข้อมูล 'เชิงลึกและเรียลไทม์'

Webull เปิดโอกาสนักลงทุนไทยเข้าถึงตลาดหุ้น Nasdaq แบบเรียลไทม์ เข้าใจโครงสร้างตลาดหุ้นสหรัฐ ด้วย "Nasdaq TotalView" ให้ข้อมูลเชิงลึก เป็นแต้มต่อสำหรับนักลงทุนไทย เพื่อจับทิศทางราคาหุ้นใน 3 ช่วงเวลาเปิดตลาดแบบละเอียดและมีประสิทธิภาพ

การลงทุนใน ตลาดหุ้นสหรัฐ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนไทยมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะ "แนสแด็ก" หรือ Nasdaq ที่รวมบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกมากมาย เช่น Tesla, Apple, Microsoft และ Amazon ทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงหุ้นของบริษัทเหล่านี้ได้โดยตรง แต่หากเข้าใจความแตกต่างระหว่างตลาดสหรัฐที่สามารถทำการซื้อขายได้หลายช่วงเวลาเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ เช่น ตลาดเอเชียหรือตลาดหุ้นไทย จะช่วยให้การตัดสินใจลงทุนได้ดียิ่งขึ้น

กรุงเทพธุรกิจ ได้เข้าฟังสัมมนาของทาง Webull โบรกเกอร์ชั้นนำจากสหรัฐที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์จากกระทรวงการคลัง และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. ว่าด้วยเรื่อง "เจาะลึกตลาดหุ้นสหรัฐ Webull x Nasdaq กับตลาดหลักทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของโลก"

อิน เชอร์ โบห์ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายผลิตภัณฑ์และปฏิบัติการ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจากแนสแด็ก เผยว่า 9 ใน 10 หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงที่สุดใน 9 เดือนแรกของปี 2024 จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq นอกจากนี้หลายคนมักเข้าใจผิดคิดว่า Nasdaq เป็นตลาดสำหรับบริษัทเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่จริงๆ แล้ว Nasdaq มีความหลากหลายมากกว่านั้นมาก ขณะนี้มีบริษัทจดทะเบียนใน Nasdaq ถึง 5,000 บริษัท ใน 50 ประเทศทั่วโลกโดย 3 ธุรกิจหลักที่มีสัดส่วนมากที่สุดในปี 2567 คือกลุ่ม เฮลท์แคร์ 26% ตามด้วยกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม 22% และกลุ่มการเงิน 20% 

ดังนั้น ราคาหุ้นของ Nasdaq กำลังสะท้อนมูลค่าของธุรกิจเทคโนโลยีที่หลากหลาย ไม่ใช่แค่บริษัทการเงินเพียงอย่างเดียว และยังเป็นเหมือน FinTech ที่ผสมผสานการเงินและเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน ทำให้มีศักยภาพในการเติบโตสูงกว่าตลาดอื่นๆ

โอกาสเข้าถึงหุ้น \'Nasdaq\' กับ \'Webull\' ด้วยข้อมูล \'เชิงลึกและเรียลไทม์\'

ปูพื้นฐานตลาดหุ้น "Nasdaq"

เชอร์ โบห์ เริ่มต้นที่การอธิบายภาพของโครงสร้างตลาดหุ้นสหรัฐ โดยเฉพาะในตลาด Nasdaq ที่เวลาทำการซื้อขายมีความแตกต่างจากตลาดอื่นๆ เพราะแบ่งออกเป็น 3 ช่วงด้วยกัน โดยทั้ง 3 ช่วงสามารถซื้อขายหุ้นได้ แต่ช่วงเวลา ปกติจะมีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด

  • ช่วงก่อนเปิดตลาด (Pre-open) 4.00 น. ถึง 9.30 น.
  • ช่วงปกติ (Regular market) 9.30 น. ถึง 16.00 น.
  • ช่วงหลังปิดตลาด (After-hours) 16.00 น. ถึง 20.00 น. 

นอกจากนี้ ยังมี 2 ช่วงเวลาที่จะเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนด้วย คือ ช่วง Opening crosses เป็นช่วงเวลาที่ ตลาดหลักทรัพย์ กำลังจะเปิด โดยเริ่มตั้งแต่ 9.25 น. ถึง 9.30 น. และช่วง Closing crosses เป็นช่วงเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์กำลังจะปิด โดยเริ่มตั้งแต่ 15.50 น. ถึง 16.00 น.

ส่วนวิธีการส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นในสหรัฐ สามารถทำได้ 2 วิธี คือ On-exchange ส่งคำสั่งไปที่กระดานหุ้นในตลาดโดยตรงเพื่อรอจับคู่ และ Off-exchange การซื้อขายที่เกิดขึ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ ผ่านระบบ Trade Reporting Facility (TRF) โบรกเกอร์จับคู่คำสั่งภายใน แล้วแจ้งคำสั่งที่จับคู่เรียบร้อยแล้วให้ตลาดหลักทรัพย์บันทึกราคา ซึ่งปัจจุบันนี้การซื้อขายนอกตลาดสูงถึงกว่า 50% ของปริมาณการซื้อขายทั้งหมด

โอกาสเข้าถึงหุ้น \'Nasdaq\' กับ \'Webull\' ด้วยข้อมูล \'เชิงลึกและเรียลไทม์\'

"ลึก-เรียลไทม์" แต้มต่อนักลงทุนไทยในกระดาน Nasdaq

ตลาดหุ้นสหรัฐ มีสภาพคล่องและความผันผวนสูง ทำให้ราคาเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าการใช้ข้อมูลราคาล่าช้า เช่น ช้าไป 15 นาที อาจทำให้พลาดโอกาสการซื้อขายที่ดี เนื่องจากราคาเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ดังนั้นข้อมูลราคาแบบเรียลไทม์ช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจซื้อขายได้ทันเวลา ทีนี้เมื่อดูราคาหุ้นที่เคลื่อนไหวอยู่บนแพลตฟอร์ม Google Finance และ Yahoo Finance จะแสดงเฉพาะราคาซื้อขายล่าสุดเท่านั้น แต่ไม่ได้แสดงข้อเสนอซื้อและข้อเสนอขายที่ดีที่สุด (Bids/Offers)  

สำหรับแพลตฟอร์มของ Webull มีเครื่องมือที่เรียกว่า "Nasdaq TotalView" ซึ่งเป็นโบรกเกอร์เจ้าแรกและเจ้าเดียวในไทยที่ทำให้ให้นักลงทุนไทยเข้าถึงโปรแกรมที่แสดงข้อมูลราคาแบบเรียลไทม์ พร้อมกับ TotalView Level 2 ที่แสดง Bids/Offers เรียลไทม์ถึง 50 ระดับราคา ช่วยให้นักลงทุนวิเคราะห์แนวโน้มราคาได้อย่างละเอียดและแม่นยำมากขึ้น

นอกจากนี้ Nasdaq TotalView สามารถให้ข้อมูล Depth of Market หรือ DOM ปริมาณคำสั่งซื้อขายที่ราคาต่างๆ ในตลาด ณ ตอนนั้น ได้มากกว่าตลาดหลักทรัพย์อื่น ๆ ซึ่งอาจแสดงได้เพียง 10 หรือ 20 ระดับราคา แต่ Nasdaq สามารถแสดงได้ถึง 1,000 หรือ 2,000 ระดับราคา ช่วยให้นักลงทุนสามารถวิเคราะห์แรงซื้อและแรงขายได้ชัดเจนมากขึ้น และระบุระดับราคาแนวรับและแนวต้านได้

โอกาสเข้าถึงหุ้น \'Nasdaq\' กับ \'Webull\' ด้วยข้อมูล \'เชิงลึกและเรียลไทม์\'

ยกตัวอย่าง นักลงทุนรายหนึ่งตัดสินใจซื้อหุ้น เนื่องจากข้อมูล DOM ที่แสดงเพียง 20 ระดับแรกบ่งชี้ว่ามีปริมาณคำสั่งซื้อมากกว่าคำสั่งขาย ทำให้เข้าใจผิดว่าราคาหุ้นมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น แต่เมื่อดูข้อมูล DOM เต็มรูปแบบกลับพบว่า ปริมาณคำสั่งขายสูงกว่าคำสั่งซื้ออย่างมาก ซึ่งขัดแย้งกับข้อมูลที่แสดงเพียง 20 ระดับแรก นั่นหมายความว่า คำสั่งซื้อขายขนาดใหญ่จำนวนมากถูกซ่อนอยู่เกินกว่า 20 ระดับแรกที่แสดง ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่นักลงทุนรายได้มองข้ามไป

เมื่อดูปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาเปิดและปิดตลาด ซึ่งคิดเป็นประมาณ 16.8% ซึ่งนักลงทุนสามารถใช้ประโยชน์จากความผันผวนของราคาในช่วงเปิดและปิดตลาดเพื่อทำกำไร   ด้วยฟังก์ชัน Net Order Imbalance Indicator หรือ NOII คือตัวบ่งชี้ที่แสดงถึงความแตกต่างระหว่างปริมาณคำสั่งซื้อและคำสั่งขายในช่วงเวลาหนึ่ง ที่ช่วยในการคาดการณ์ทิศทางราคาหุ้นก่อนเปิดและปิดตลาด หรือในช่วง IPO เพื่อจับจังหวะการลงทุนได้ 

เชอร์ โบห์ ยกตัวอย่างความเคลื่อนไหวราคาหุ้น อินวิเดีย (NVIDIA) ในช่วง Opening crosses ด้วยเครื่องมือ NOII ในเวลา 9.25 น. จะมีการเผยแพร่ปริมาณหุ้นที่มีการจับคู่และปริมาณหุ้นที่ไม่สมดุล จากนั้น 9.28 น. จะเริ่มเผยแพร่ราคาอ้างอิงในระดับใกล้เคียงที่สามารถสะท้อนว่ามีความต้องการซื้อหุ้น หรือ ขายหุ้น มากกว่ากัน ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถคาดการณ์ราคาเปิดตลาดในช่วงเช้าได้ 

โอกาสเข้าถึงหุ้น \'Nasdaq\' กับ \'Webull\' ด้วยข้อมูล \'เชิงลึกและเรียลไทม์\'

ตลาดหุ้น "สหรัฐ" การลงทุนในยุคตลาดผันผวนสูง

ชลเดช เขมะรัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ วีบูลล์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Webull Thailand มองว่าการลงทุนในยุคที่ตลาดมีความผันผวนสูง การใช้กลยุทธ์แบบ "Core and Satellite" คือ ลงทุนในดัชนีหลักๆ 70-75% ผ่านทาง ETF เช่น QQQ ที่ลงทุนในดัชนี NASDAQ 100 หรือ SPY ที่ลงทุนในดัชนี S&P 500 เป็นต้น เนื่องจากสามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้ค่อนข้างดี ส่วนที่เหลือ 20% - 25% สามารถลงทุนในหุ้นรายตัวหรือราย Sector ที่มีความน่าสนใจในแต่ละช่วงเวลา ที่สำคัญคือต้องไม่ลงทุนทั้งหมดในหุ้นเพียงตัวเดียว และควรถือเงินสดไว้บ้างเพื่อรอจังหวะเข้าซื้อในช่วงที่ตลาดปรับตัวลง นอกจากนี้ยังอาจใช้ Options เพื่อเพิ่มผลตอบแทนหรือป้องกันความเสี่ยงได้อีกด้วย

สำหรับนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงหุ้นสหรัฐได้บน Webull ขั้นต่ำเพียง 5 ดอลลาร์ หรือราวประมาณ 175 บาทเท่านั้น ซึ่ง Webull เป็นแพลตฟอร์มแรกและแพลตฟอร์มเดียวในไทยที่เสนอการซื้อขายออปชันดัชนีและออปชันบนหุ้นรายตัวในตลาดหุ้นสหรัฐ โดยนักลงทุนสามารถเทรดและจับคู่หุ้นสหรัฐ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นแม้แต่ในช่วงเวลาที่ตลาดปิดทำการ ผ่านระบบที่เรียกว่า "Electronic Communication Networks (ECN)" หรือเครือข่ายการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่เป็นระบบการซื้อขายหลักทรัพย์แบบอัตโนมัติ

Webull ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ไทย และเริ่มดำเนินการในไทยเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว โดยปัจจุบันได้บรรลุเป้าหมายมีผู้ใช้งานลงทะเบียนเกิน 100,000 บัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ Webull ได้ขยายธุรกิจไปยังหลายประเทศ ทั้งในอเมริกา แคนาดา เม็กซิโก บราซิล สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ แอฟริกาใต้ ฮ่องกง ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์

โอกาสเข้าถึงหุ้น \'Nasdaq\' กับ \'Webull\' ด้วยข้อมูล \'เชิงลึกและเรียลไทม์\' โอกาสเข้าถึงหุ้น \'Nasdaq\' กับ \'Webull\' ด้วยข้อมูล \'เชิงลึกและเรียลไทม์\'