วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง US JOLTS Job Openings & Job Quits

ส่วนแนวโน้มระยะสั้น พบว่า มีสัญญาณเกิดการรีบาวนด์ หลัง SET Index สามารถยืนเหนือ 1,421 จุด ได้เป็นวันที่สาม พร้อมทั้งสร้าง New High ครั้งแรกรอบสามวันทำการ โดยมีเป้าหมายขึ้นไปทดสอบแนวต้านแรก 1,440 จุด และ 1,446 จุด ตามลำดับ กลยุทธ์วันนี้ แนะนำ เก็งกำไรเมื่ออ่อนตัว

ประเด็น Event สำคัญวันนี้ 

Opp. Day: ที่น่าสนใจ PRM MC ADVICE FN AWC BBGI ฯลฯ

US Fed Comments จับตาสัญญาณดอกเบี้ยจาก สุนทรพจน์ประธานเฟด สาขาชิคาโก Austan Goolsbee, คณะกรรมการเฟด Adriana Krugler

NATO รมว. ตปท. กลุ่มประเทศสมาชิกนาโต้ประชุมที่นครบรัสเซล จนถึงวันที่ 4 ธ.ค.

OECD รายงานคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจล่าสุด

Thailand: ผลประชุมครม. คาดมีการพิจารณาโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการแจกเงิน 10,000 บาท ให้แก่ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 4 ล้านคน และโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปัจจัยการผลิตข้าว ปี 2024/2025 ไร่ละ 1,000 บาท ให้แก่ชาวนา รวมถึงมาตรการเยียวยาช่วยเหลือเหตุอุทกภัยที่ภาคใต้

CEO ของ NVIDIA (Jensen Huang) เดินทางถึงไทยเพื่อเข้าร่วมงาน “AI Vision for Thailand” ภายใต้ธีม “The First Step for Thailand Sovereign AI” วันที่ 4 ธ.ค. 2024 ณ Embassy Room, Park Hyatt Bangkok โดยในวันนี้คาดว่าจะมีการนัดเจอกับ นายกฯ แพทองธาร เพื่อหารือเปิด Data Center ในประเทศไทย (+กลุ่มอิงโครงสร้างพื้นฐาน นิคมอุตสาหกรรม WHA AMATA กลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้า GULF GPSC BGRIM กลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน ADVANC TRUE INSET BE8 BBIK กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ DELTA)

 

 

 

 

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ

เฟดอาจยังต้องลดดอกเบี้ยระยะสั้น (ธ.ค.) หาก Job openings ยังอ่อนแอ (Consensus คาด 7.38 ล้านตำแหน่ง ต่ำสุดในรอบ 4 ปี) ทำให้ความเสี่ยงในด้านการจ้างงานในอนาคตอาจพุ่งขึ้นรุนแรงได้ ดังเช่นในช่วง Pre-Covid (2001-19) และ Post-Covid (2023-Sep 2024) เมื่อตำแหน่งงานเปิดรับใหม่ต่ำลง จะทำให้อัตราการว่างงานเร่งตัวขึ้นแรง (มีค่า Correlation –75% และ –87% ตามลำดับ) ตามกฎ Beveridge curve (Figure 1) ปัจจัยดังกล่าวสนับสนุนให้ระยะสั้น เฟดยังคงมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยนโยบายได้ (อิง CME FED Watch tool ให้น้ำหนัก 70% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม เดือน ธ.ค.) อย่างไรก็ตาม หากมองในภาพ Outlook ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงด้านสูงจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ถูกหนุนด้วยนโยบายการคลังแบบขยายตัว (ลดภาษี) ทำให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดมีแนวโน้มยุติขาลงได้เร็วกว่าที่คาด ดังนั้น ถ้าเฟดยังคงยึดหลักการดำเนินนโยบายการเงินด้วยมุมมอง 2 ด้านแบบ Dual Mandate (การจ้างงานสูงสุด, รักษาเสถียรภาพด้านราคา) เราจึงมองว่าเฟดแม้จะลดดอกเบี้ยระยะสั้น แต่จะปรับมุมมองดอกเบี้ยระยะกลางให้สูงขึ้นกว่า DOTPLOT เดิมคาดไว้ (3.4% ในปี 2025) ปัจจัยกังกล่าว หนุน USD แข็งค่า

US: รายงานจ้างงานเดือน ต.ค. JOLT’s Job Openings คาดลดลงเป็น 7.38 ล้านคน (Vs เดือน ก.ย. +7.443 ล้านคน) และคาดว่าปรับสูงขึ้นเป็น 7.6 ล้านคน ณ สิ้นปี 2024 ส่วน Job Quits คาดลดลงอยู่ที่ 3.0 ล้านคน (Vs เดือน ก.ย. 3.071 ล้านคน) ทั้งนี้ ตัวเลขการจ้างงานที่ปรับลดลง จะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ตลาดคาดว่า ผลประชุมเฟดเดือน ธ.ค. มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยมากขึ้น

 

หุ้นที่มีโมเมนตัมบวก แนะนำ: INSET WHA AOT

 

 

Strategic daily picks

INSET     ปิด 3.22 บาท/แนวรับ 3.04 บาท แนวต้าน 3.44 บาท

บริษัทเข้าลงทุนในบริษัท เจริญปลูก จำกัด ในสัดส่วน 30% เพื่อพัฒนาแอปพลิเคชันให้บริการบนมาร์เก็ตเพลส “บุญปลูก” คาดจะเปิดใช้งานภายใน 1Q25 ส่วนในช่วง 4Q24 ยังคงเดินหน้างานประมูลอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมเปิดซองประมูลอีก 1-2 โครงการ มูลค่ามากกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งในขณะนี้บริษัทมี Backlog กว่า 1 พันล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในระยะยาวอีก 1-2 ปี ทั้งนี้ Bloomberg Consensus ประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 3.50 บาท

WHA     ปิด 5.80 บาท/แนวรับ 5.60 บาท แนวต้าน 6.10 บาท

บริษัทคงเป้า presale ปี 2024E ที่ 2.5 พันไร่ และประเมินยอดโอนจะทรงตัว YoY ที่ 2.2 พันไร่ สูงกว่า KTX คาดที่ 2.4 และ 2.0 พันไร่ ตามลำดับ โดย KTX ประเมินกำไรปกติปี 2024 ที่ 4.8 พันล้านบาท (+9% YoY) และมูลค่าเหมาะสม 12M FWD ที่ 6.40 บาท

AOT    ปิด 61.75 บาท/แนวรับ 60.00 บาท แนวต้าน 64.25 บาท

KTX คงกำไรปกติ FY2025E ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท (+21% YoY) ซึ่งอาจมีความเสี่ยงเชิงบวกจากการปรับเพิ่มค่า PSC และการเรียกเก็บ PSC ขณะที่การพัฒนา East expansion และ South terminal ยังเป็นไปตามแผนที่จะเริ่มดำเนินงานในปี 2027 และ 2032 ตามลำดับ โดย KTX ประเมินมูลค่าเหมาะสม 12M FWD ที่ 68.00 บาท